“อนุทิน ชาญวีรกูล”ให้เวลาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำแผนพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ให้ชัดเจน ภายใน 3 เดือน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติว่า ที่ประชุม ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้เสนอพิมพ์เขียวแผนการทำวัคซีนเพื่อต่อสู้ป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ก็มีมติเอกฉันท์สนับสนุนให้ทำแผนการทดลองและการเซ็นเอ็มโอยู กับประเทศที่ผลิตวัคซีน เพื่อพัฒนาวัคซีนนี้ขึ้นด้วยกัน ซึ่งสถาบันวัคซีนฯ ได้มีการไปติดต่อกับสถาบันวิทยาศาสตร์ต่างๆ ทั้งต่างประเทศและในไทย
.
โดยได้กำชับไปหลายรอบ คือ เรื่องของสัญญาต่างๆ ต้องดู ให้ดีและละเอียด อย่าให้มีข้อใดที่เป็นการเอาเปรียบทำให้ไทยเข้าถึงวัคซีนได้ช้ากว่าคนอื่น คู่สัญญาก็ต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน ไม่ใช่เขาเข้าถึงก่อน ไทยรอทีหลัง เป็นน้ำใต้ศอกหรือไก่รองบ่อน
.
การดำเนินงานนั้น จะมีงบประมาณที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติ ซึ่งในส่วนของสาธารณสุขมีทั้งหมด 4.5 หมื่นล้านบาท ก็จะมีในหมวดที่ต้องนำงบประมาณส่วนหนึ่ง มาพัฒนาวิจัยและจัดหาวัคซีนด้วย เพื่อรับกับสถานการณ์โควิดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งคณะกรรมการวัคซีน ก็มีความพึงพอใจที่รัฐบาลสนับสนุน เพราะถ้าไม่ได้มีสถานการณ์ระบาดมักไม่ได้รับการเหลียวแล
.
ทั้งนี้โควิด-19 จะเลิกรังควานผู้คนได้ก็ต่อเมื่อมีวัคซีน ซึ่งวันนี้เราควบคุมโรคได้ ใช้ทุกมาตรการอย่างมีประสิทธิภาพ รักษาให้หายได้ มียามาบรรเทาอาการ แต่หมายความว่า ต้องป่วยก่อน เราเหลืออย่างเดียว คือ วัคซีน ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องมาสุมหัวกัน ใช้ทุกเครือข่ายและองค์ความรู้ที่มีพัฒนาขึ้นมาให้ได้ ต้องขอเป็นพระเอกให้ได้เรื่องของการพัฒนาวัคซีน
.
อย่างไรก็ตามมีการระบุว่ากว่าจะมีวัคซีนคือ 18 เดือน ซึ่ง ผอ.สถาบันวัคซีนเสนอกรอบการพัฒนา 6 เดือน แต่คณะกรรมการและผมขอให้เร็วกว่านั้น ผมก็พูดไปว่า ต้องไม่เกิน 3 เดือน แต่ไม่ใช่ 3 เดือนต้องมีวัคซีน แต่ 3 เดือน คือ มีทิศทางที่ชัดเจน ว่า ทำอะไรจะได้ผลอะไร