ออมสินฟันธงคุมไวรัสโควิด-19 อาจฉุด GDP ปีนี้ลง -1%

663
0
Share:

ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการออมสิน เผย มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ที่จีนทำ ทั้งการปิดเมืองอู่ฮั่นและอีกหลายเมืองเพื่อป้องกันความเสี่ยงและระงับทัวร์จีนในต่างประเทศ ส่งผลกระทบทางตรงต่อภาคการท่องเที่ยวไทย ทั้งธุรกิจภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจค้าปลีก ที่พักแรม ร้านอาหาร บริการขนส่ง ตลอดจนธุรกิจต้นน้ำ เช่น ธุรกิจเกษตร ปศุสัตว์ที่เป็นวัตถุดิบหรือสินค้าให้ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร โรงแรม ที่พักต่างๆ
.
ผลกระทบที่จะมีต่อ GDP ของประเทศด้านการผลิตหากรายได้จากการท่องเที่ยวมีการปรับตัวลดลง แบ่งเป็น 2 กรณี
.
หนึ่ง หากจีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ภายใน 3 เดือน นักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางมาไทยจะหายไปประมาณ 1.6 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวของไทยลดลงกว่า 8 หมื่นล้านบาท และฉุดให้ GDP ไทยในปี 2563 ลดลง -0.4%
.
สอง หากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยาวนานต่อเนื่องไปถึง 6 เดือน คาดว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนหายไปเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3.5 ล้านคน ซึ่งส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวไทยลดลงกว่า 1.7 แสนล้านบาท และฉุดให้ GDP ไทยในปี 63 ลดลง -1.0%
.
ส่วนผลกระทบที่มีต่อธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยว ข้อมูลสถิติการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวจีนจากฐานข้อมูลการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พบว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมใช้จ่าย 5 อันดับแรก คือ ชอปปิง (ค้าปลีก) ที่พักแรม ร้านอาหารและเครื่องดื่ม การเดินทาง และการบันเทิง สันทนาการต่างๆ
.
ดังนั้น เมื่อนักท่องเที่ยวจีนลดลงจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่คนจีนชอบไปใช้จ่ายโดยเฉพะาในจังหวัดที่คนจีนนิยมท่องเที่ยว อาทิ กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ สุราษฏร์ธานี และเชียงราย

ส่วนกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากรายได้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่ลดลงมากที่สุด 4 อันดับแรกคือ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจที่พักแรม ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจขนส่ง
.
ธุรกิจค้าปลีกที่คาดว่าจะสูญเสียรายได้ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท ถึง 5.4 หมื่นล้านบาท จากการจับจ่ายซื้อสสินค้าของนักท่องเที่ยวจะมีธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหลักคือ กลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ เช่น มินิมาร์ท ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซุปเปอร์มาร์เก็ต ธุรกิจขายเครื่องสำอางค์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร กลุ่มร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อในท้องถิ่น ของที่ระลึก ซึ่งในจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีนมีผู้ประกอบการราว 7,538 ราย จังหวัดที่กระทบมากคือ กรุงเทพฯ ชลบุรี เชียงใหม่ และภูเก็ต
.
ขณะที่ธุรกิจที่พักแรม/ โรงแรม คาดว่าจะสูญเสียรายได้ประมาณ 21,000 – 45,000 ล้านบาท โดยเฉพาะที่พักแรมระดับราคาไม่สูงมากจนถึงระดับปานกลาง มีตลาดหลักเป็นลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งมีผู้ประกอบการราว 5,622 ราย มีจังหวัดที่มีผู้ประกอบการกลุ่มนี้ เช่น กรุงเทพฯ สุราษฏร์ธานี และภูเก็ต
.
ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม คาดว่าจะสูญเสียรายได้ราว 16,000 – 34,000 ล้านบาท โดยเฉพาะร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ขึ้นชื่อของแต่ละจังหวัด มีผู้ประกอบการอยู่ในกลุ่มนี้ประมาณ 7,708 ราย จังหวัดที่มีผู้ประกอบการกลุ่มนี้จำนวนมากคือ กรุงเทพฯ ชลบุรี และสุราษฏร์ธานี ซึ่งรวมถึง Street food กว่า 105,000 ราย ส่วนใหญ่ไม่เป็นนิติบุคคล กระจายตามจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญ
.
ธุรกิจขนส่ง คาดว่าจะสูญเสียรายได้ประมาณ 7,500-16,000 ล้านบาท โดยเฉพาะบริการรถหรือเรือนำเที่ยว ผู้ประกอบการอยู่ในกลุ่มนี้ประมาณ 6,742 ราย จังหวัดที่มีผู้ประกอบการกลุ่มนี้อยู่จำนวนมาก คือ กรุงเทพฯ ชลบุรี และภูเก็ต
.
นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบเชื่อมโยงธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจต้นน้ำ อย่าง ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการเพาะปลูก ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ ข้าว รวมถึงธุรกิจปศุสัตว์ทั้งโค สุกร และสัตว์ปีก และธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ เช่น ธุรกิจเชื้อเพลิง ธุรกิจเคมีภัณฑ์ เป็นต้น อาจส่งผลกระทบต่อ GDP ปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์
.
ทั้งนี้ ภาครัฐก็ได้ออกมาตรการช่วยเหลือเป็นมติ ครม. ตั้งแต่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อาทิ การจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ สิทธิประโยชน์ทางภาษี การลดค่าธรรมเนียมการขึ้น-ลงท่าอากาศยาน การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน เป็นต้น