อากาศร้อนจัดคนใช้ไฟพุ่งดันค่าพีกไฟฟ้าทำสถิติสูงสุดใหม่ทะลุเกิน 34,000 เมกะวัตต์ไปแล้ว

254
0
Share:
อากาศร้อน จัดคน ใช้ไฟ พุ่งดัน ค่าพีกไฟฟ้า ทำสถิติสูงสุดใหม่ทะลุเกิน 34,000 เมกะวัตต์ไปแล้ว

สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยว่า จากสภาวะอากาศร้อนมากในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาทำให้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง และเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 ช่วงเวลา 21.41 น. ได้เกิดสถิติความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของระบบไฟฟ้า หรือ ค่าพีค (Peak) ใหม่ อยู่ที่ 34,826.50 เมกะวัตต์ สูงกว่า Peak เดิม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 เวลา 14.30 น. ที่ 33,177.30 เมกะวัตต์

ทั้งนี้เนื่องมาจากจากสภาพอากาศร้อนจัดในช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 4 – 7 พฤษภาคม 2566 ส่งให้ผลประชาชน มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพื่อคลายร้อน อีกทั้งเครื่องทำความเย็นประเภทต่างๆ ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น พัดลม มีความต้องการใช้ปริมาณไฟฟ้ามากขึ้นเพื่อทำความเย็นให้มากขึ้นตามภาวะอากาศร้อนจัดเช่นกัน

โดย กกพ. ขอให้ประชาชนได้มีการตรวจสอบ “หน่วยการใช้ไฟฟ้า” ในการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในบิลค่าไฟรอบเดือนพฤษภาคม 2566 ของท่านว่ามีความผิดปกติหรือไม่ด้วย เพราะค่าไฟที่เพิ่มอาจจะเป็นได้ทั้งจากการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าผิดปกติ และอีกสาเหตุหนึ่งเกิดจากสภาวะอากาศทำให้หน่วยการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้นกว่าเดิมได้และส่งผลค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งปัจจุบันสำหรับประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่การเรียกเก็ค่าไฟฟ้าเป็นแบบอัตราค่าไฟฟ้าอัตราก้าวหน้าคือ ยิ่งใช้ไฟฟ้าจำนวนหน่วยมากขึ้นก็จะถูกเรียกเก็บค่าไฟในอัตราที่แพงขึ้นด้วย เพื่อสะท้อนต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้น จากกระบวนการผลิตไฟฟ้าของไทยจะผลิตจากต้นทุนที่มีราคาถูกก่อน และเมื่อการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้นจะมีการผลิตไฟฟ้าที่มีต้นทุนสูงขึ้น แม้ค่าไฟฟ้าในงวดเดือน พ.ค. – ส.ค. 66 จะไม่ได้ปรับขึ้น ซึ่งเรียกเก็บในอัตราค่าไฟฟ้า 4.70 บาทต่อหน่วยก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ขออนุมัติ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อใช้เงินงบประมาณในการดำเนินมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง สำหรับงวดเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2566 (4 เดือน) โดยผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน จะได้รับส่วนลดแบบขั้นบันได กำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราส่วนลดเดียวกันกับช่วงเดือน มกราคม – เมษายน 2566 ดังนี้ (1) ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 1-150 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 92.04 สตางค์ต่อหน่วย โดยมีผลต่างค่าไฟฟ้า ตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (ค่า Ft) เรียกเก็บและส่วนลด 1.39 สตางค์ต่อหน่วย (2) ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 151-300 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 67.04 สตางค์ต่อหน่วย โดยมีผลต่างค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (ค่า Ft) เรียกเก็บและส่วนลด 26.39 สตางค์ต่อหน่วย ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ได้รับการช่วยเหลือรวมทั้งสิ้นประมาณ 18.36 ล้านราย ใช้งบประมาณรวมในกรอบไม่เกิน 7,602 ล้านบาท