อาหารไทยมาอันดับ 3 ขายดีในสหรัฐ สบโอกาสส่งออกวัตถุดิบ-เครื่องปรุงจากไทย

นางสุปรารถนา กมลเวชช ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีร้านอาหารไทยในประเทศสหรัฐอเมริกามีประมาณ 5,400 ร้าน ส่งผลให้เกิดมูลค่าตลาด 13,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือกว่าปีละ 462,000 ล้านบาท หากมองเฉพาะในเขตพื้นที่ของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก ดูแลอยู่นั้น จะมีประมาณ 1,000 ร้าน สร้างมูลค่าตลาด 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือราว 84,000 ล้านบาท

ล่าสุด การสำรวจล่าสุดของศูนย์วิจัยพิว รีเสิร์ช เซ็นเตอร์ (Pew Research Center) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยชื่อดังเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับธุรกิจร้านอาหารในสหรัฐอเมริกา พบว่า อาหารไทยเป็นอาหารสัญชาติเอเชียที่ได้รับความนิยมสูงสุดมาอันดับ 3 ในสหรัฐอเมริกา โดยเป็นรองจากอันดับ 1 จีน และอันดับ 2 ญี่ปุ่น

อาหารไทยในอันดับที่ 3 ครองสัดส่วนอยู่ที่ 11% ของร้านอาหารเอเชียในสหรัฐฯ ส่วนจีนสัดส่วน 39% และญี่ปุ่น 28% เมื่อนำสัดส่วนทั้งหมดมารวมกัน พบว่า อาหารจาก 3 ชาติในเอเชียจะเพิ่มเป็น 78% หรือเทียบได้ว่า ร้านอาหารเอเชียในสหรัฐอเมริกา 10 ร้าน จะเป็นร้านอาหารจีน ญี่ปุ่น และไทยรวมกันถึง 7 ร้านด้วยกัน

งานวิจัยดังกล่าว ยังเปิดเผยว่าใน 50 รัฐของสหรัฐอเมริกา มีร้านอาหารจีน ญี่ปุ่น และไทยครอบคลุมทั้งหมด หรือมีอยู่ในทุกรัฐ แต่มีสัดส่วนของร้านอาหารจีน ญี่ปุ่น และไทย ตามลำดับ นอกจากนี้ มีร้านอาหารที่ขายอาหารจากเอเชียมากกว่า 1 ชาติ เช่น ร้านอาหารจีน-ญี่ปุ่น มีสัดส่วนมากถึง 36% ร้านอาหารจีน-ไทย มีสัดส่วน 18% ร้านอาหารญี่ปุ่น-ไทย มีสัดส่วน 15% และร้านอาหารญี่ปุ่น-เกาหลี มีอยู่ที่ 10%

ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก กล่าวต่อไปว่า ธุรกิจอาหารเอเชียจากข้อมูลดังกล่าว จึงทำให้มีความต้องนำเข้าวัตถุดิบอาหารจากประเทศไทย เช่น ข้าวหอมมะลิ กะทิกระป๋อง เครื่องแกง ซอสปรุงรส เส้นก๋วยเตี๋ยว ชาไทย กาแฟไทย สมุนไพร ดังนั้น จึงมองเป็นโอกาสที่จะส่งเสริมและผลักดันการส่งออกสินค้าเหล่านี้ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆใยสหรัฐอเมริกา