ฮอนด้า-นิสสัน จับมือลดการผลิตรถยนต์รวม 2 แบรนด์ในจีนเท่ากับยอดขายรถยนต์ทั้งปีในไทย

136
0
Share:
ฮอนด้า - นิสสัน จับมือลด การผลิต รถยนต์รวม 2 แบรนด์ในจีนเท่ากับยอดขายรถยนต์ทั้งปีในไทย

นิสสัน มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังระดับโลกจากญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เตรียมเจรจากับบริษัทร่วมทุนในประเทศจีน เพื่อเป้าหมายในการลดกำลังการผลิตรถยนต์ของนิสสันลงมากถึง 30% หรือลดการผลิตลงถึง 500,000 คันต่อปี จากปัจจุบันนิสสันผลิตรถยนต์ในจีนอยู่ที่ 1.6 ล้านคันต่อปี นิสสันมีโรงงานในจีนทั้งหมด 8 แห่ง ในจำนวนนี้มี 2 โรงงาน ในหูเป่ย์และเหอหนานที่ร่วมทุนกับบริษัทตงเฟิง มอเตอร์ ของจีนแผ่นดินใหญ่ ในช่วงที่ผ่านมา นิสสันลดการผลิตรถยนต์ในจีนลงไปตั้งแต่ปี 2023 ด้วยการลดกำลังการผลิตมากถึง 24% เมื่อเทียบกับปี 2022 ลงมาเหลือเพียง 793,000 คัน ทำให้นิสสันผลิตรถยนต์ต่ำกว่า 1 ล้านคันต่อปี นับเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี หรือตั้งแต่ 2010

ด้านฮอนด้า มอเตอร์ เปิดเผยว่า ฮอนด้ามีการร่วมทุนกับพันธมิตรในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ 2 ราย ได้แก่ กว่างโจว ออโตโมบิล กรุ๊ป และตงเฟิง มอเตอร์ กรุ๊ป ได้ตั้งเป้าหมายลดกำลังการผลิตในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ลง 20% หรือลดลงราว 290,000 คัน มาเหลือประมาณ 1,200,000 คันต่อปี จากที่ผลิตได้ปีละ 1,490,000 คัน

ดังนั้น เป้าหมายในการลดการผลิตรถยนต์ของทั้งนิสสันและฮอนด้ารวมเป็นกว่า 790,000 คัน ซึ่งมีจำนวนใกล้เคียงยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยรายปีที่เฉลี่ยขายปีละ 800,000 คัน

ผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นได้เข้าไปบุกเบิกในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ในช่วงทศวรรษ 2000 ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นเริ่มให้ความสำคัญกับการผลิตและการขายรถยนต์ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นรูปแบบการร่วมทุนกับบริษัทในท้องถิ่นที่ตอบสนองต่อคำขอของรัฐบาลจีนที่ขอให้ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ในท้องถิ่น ตลอดเวลาผ่านมา รถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นได้รับความนิยมในประเทศจีน โดยทำยอดขายถึงจุดสูงสุดในปี 2020 รถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นครองตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในจีนแผ่นดินใหญ่ถึง 20%

เมื่อบริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติจีนได้นำเทคโนโลยีและความรู้ที่ได้จากบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นไปพัฒนารถยนต์ของตนเอง พร้อมกับการส่งเสริมของรัฐบาลจีนให้เปลี่ยนผ่านการผลิตและการใช้รถยนต์ในประเทศไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า จึงทำให้ในปี 2023 ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนสามารถครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้นเป็น 56% ด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ขณะที่รถยนต์ญี่ปุ่นที่พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไม่ทันก็ต้องสูญเสียส่วนแบ่งตลาดไป รถยนต์แบรนด์จีนที่เพิ่งพัฒนาขึ้นมาครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ในประเทศไปแล้ว 30% นำโดย BYD ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุดของจีนในเวลานี้

ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ หรือ NEV ของตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ในปี 2023 ทำได้อยู่ที่ 25 ล้านคัน และมียอดขายมากกว่าตลาดสหรัฐถึง 50% ยอดขายของฮอนด้าในจีนมีราว 30% ของยอดขายรวม ขณะที่ยอดขายของโตโยต้าและนิสสันในจีนคิดเป็นส่วนมากกว่า 20% ของยอดขายรวม ส่วนกำไรจากตลาดจีนนั้นคิดเป็นประมาณ 10% ถึง 20% ของกำไรสุทธิบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น