ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ปิดฉากโรงงานผลิตมอเตอร์ไซค์ในตลาดใหญ่อันดับ 1 ของโลก
บริษัท ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ผู้ผลิตผลิตรถจักรยานยนต์คลาสสิคหรูหราจากสหรัฐอเมริกา ประกาศปิดโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ที่มีชื่อว่าบาวัล อยู่ทางภาคเหนือในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดรถจักรยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่อันดับ 1 ของโลก นอกจากนี้ ยังปรับลดขนาดทีมและสำนักงานขายที่อยู่ใกล้กรุงนิว เดลี อีกด้วย ส่งผลให้เป็นการสิ้นสุดการผลิตของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ที่มีมานานถึง 10 ปีในอินเดีย อย่างไรก็ตาม ดีลเลอร์ของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน จะยังคงให้บริการลูกค้าชาวอินเดียไปจนกระทั่งสิ้นสุดสัญญา ในขณะเดียวกัน ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน กำลังทบทวนและสำรวจช่องทางอื่นๆในการขายรถจักรยานยนต์ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ในอินเดีย
.
บริษัท ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เข้ามาดำเนินกิจการในอินเดียเมื่อปี 2010 ในช่วงเวลานั้น อินเดียเป็นตลาดรถจักรยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก โดยเป็นรองตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ ถึงแม้จะเป็นตลาดรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ของโลก แต่ดีลเลอร์ที่ได้รับการแต่งตั้งจากฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ซึ่งมีทั้งสิ้น 33 ราย กลับทำยอดขายสะสมได้เพียง 25,000 คัน หรือเฉลี่ยปีละ 2,500 คัน สาเหตุจาก ภาษีนำเข้าที่มีฐานภาษีสูง ภาษีการขายก็มีอัตราภาษีที่สูงด้วย ส่งผลให้ราคาขายของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มีราคาสูงอย่างมากในตลาดอินเดีย นอกจากนี้ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงกับภาวะโรคระบาดโควิด-19 ในอินเดีย ที่ฉุดกำลังซื้อของชาวอินเดียที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย
.
สำหรับการปิดโรงงานผลิตในอินเดียครั้งนี้ ส่งผลให้ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,400 ล้านบาท แต่ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ยังคงทำการเจรจากับ บริษัท ฮีโร่ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของอินเดียในด้านยอดขาย เนื่องจากฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ยืนยันว่า จะยังคงทำตลาดรถจักรยานยนต์ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ในอินเดียผ่านพันธมิตรอย่างฮีโร่ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ด้วยการแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในอินเดีย ส่งผลให้สามารถนำเข้าและทำการขายในอินเดีย รวมถึงสามารถผลิตได้เพียงบางรุ่นเท่านั้นในอินเดีย
.
ทั้งนี้ สมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งอินเดีย เปิดเผยว่า ตลาดรถจักรยานยนต์อินเดียถือเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก โดยในปี 2019 มีรถจักรยานยนต์ขายได้ทั้งสิ้นมากกว่า 17 ล้านคัน หรือเฉลี่ยเดือนละ 1.42 ล้านคัน
