เขียวยกแผง! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดขึ้นเกือบ 90 จุด น้ำมันดิบโลกปิดแคบๆเหนือ 90 ดอลลาร์

153
0
Share:
เขียวยกแผง! ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดขึ้นเกือบ 90 จุด น้ำมันดิบโลกปิดแคบๆเหนือ 90 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,663 จุด +87 จุด หรือ +0.25% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,487 จุด +29 จุด หรือ +0.67% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 13,917 จุด +156 จุด หรือ +1.14% ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดลดลง -0.8%, -1.3% และ -1.9% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และนาสแดค รายสัปดาห์ ปิดลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์

สาเหตุจากหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มเทคโนโลยีกลับมาคึกคักต่อเนื่องของการซื้อขาย เนื่องจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกยังทรงตัวสูงในรอบ 9 เดือน สอดคล้องกับราคาหุ้นแอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น ที่มีราคาตกต่ำอย่างมากในวันสัปดาห์ผ่านไป นักลงทุนรอการเปิดตัวไอโฟนรุ่น 15 ในสัปดาห์นี้ ทำให้หุ้นบริษัทอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีมีราคาเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงกังวลกับความไม่แน่นอนของทิศทางดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และราคาน้ำมันดิบตลาดโลกในสัปดาห์นี้อยู่ในระดับสูง หวั่นกดดันธนาคารกลางสหรัฐอเมริกายังคงขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นต่อไปในการประชุมเดือนพฤศจิกายนนี้

นอกจากนี้ ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 41% จากเดิมที่โอกาสตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ 50%

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 87.29 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.22 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 90.64 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.01 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบปิดเหนือกว่า 90 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 9 เดือน 3 สัปดาห์ หรือตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2022 เป็นต้นมา

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +2%

สาเหตุจากนักลงทุนหวนกลับมาให้น้ำหนักปัจจัยซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่อง โดยลดผลิตลงวันละ 1 ล้านบาร์เรลอีก 3 เดือน มีผลตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2023 สอดคลัองกับรัฐบาลประเทศรัสเซียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่อง โดยลดผลิตลงวันละ 300,000 บาร์เรลอีก 3 เดือน มีผลตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2023 เช่นเดียวกัน ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัสจะลดลงถึงวันละ 1.3 ล้านบาร์เรลนับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2023

การประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก และรัสเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบนอกกลุ่มโอเปกที่มากที่สุดในโลก รวมกันวันละ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อไปอีก 3 เดือน กลายเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของตลาดพลังงานโลก เนื่องจากเดิมคาดการณ์ว่าทั้ง 2 ประเทศจะลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบถึงเดือนตุลาคมเท่านั้น

ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 1,921.89 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +1.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.1% ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 1,945.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +2.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.1% ทำสถิติราคาทองคำปิดต่ำขในรอบ 1 สัปดาห์ผ่านมา

เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า 0.5% เช่นเดียวกันกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี กลับลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยนักลงทุนรอติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อ

ขณะนี้ ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมวันที่ 19-20 กันยายนนี้ อยู่ที่ระดับ 93% ขณะที่โอกาสขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 41% จากเดิมมีโอกาสที่ 50% ที่จะตรึงดอกเบี้ยต่อไป