เขียวส่งท้าย! ตลาดหุ้นไทยปิดวันนี้บวกขึ้นกว่า 5.42 จุด ปรับตัวขึ้นส่งท้ายปี

443
0
Share:
เขียวส่งท้าย! ตลาด หุ้นไทย ปิดวันนี้บวกขึ้นกว่า 5.42 จุด ปรับตัวขึ้นส่งท้ายปี

ดัชนี SET ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดวันสุดท้ายของปี 2566 อยู่ที่ 1,415.85 จุด บวก 5.42 จุด หรือ 0.38% มูลค่าซื้อขาย 47,793.66 ล้านบาท โดยดัชนีตลาดหุ้นไทย ผันผวนในทิศทางปรับตัวขึ้นตลอดทั้งวันซึ่งทำจุดต่ำสุดวันนี้อยู่ที่ 1,410.87 จุด และสูงสุดอยู่ที่ 1,418.98 จุด

หุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นส่วนใหญ่ได้อานิสงส์จากตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้นจากความชัดเจนว่าเปอร์เซ็นต์ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะหั่นดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. สูงถึง 74%

ส่วน 3 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. BBL มูลค่า 3,508.19 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 156.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท หรือ 2.96%
2. SCB มูลค่า 2,624.90 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 106.00 บาท เพิ่มขึ้น2.50 บาท หรือ 2.42%
3. KBANK มูลค่า 2,321.59 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 135.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 1.50%

นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย กล่าวว่า วันนี้ดัชนีฯ ปรับตัวขึ้นเนื่องจากได้รับอานิสงส์จากตลาดหุ้นต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐหลังพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เพราะเปอร์เซ็นต์ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค มีมากถึง 73.9% ประกอบกับก่อนหน้านี้ หุ้นไทยปรับตัวลงไปอย่างมาก ช่วง 3-4 วันที่ผ่านมาจึงมีแรงซื้อจากต่างชาติกลับมาทำให้หน้าหุ้นใหญ่ปรับขึ้นยกแผงนำโดยธนาคารพาณิชย์ แม้จะมีรายงานว่าเศรษฐกิจไทยขาดดุล 1,000 ล้านบาทก็ตามแต่นักลงทุนอาจมองข้ามปัจจัยดังกล่าวไปแล้ว

สำหรับสัปดาห์หน้าเปิดปีใหม่ ประเมินว่าดัชนีฯ จะแกว่งในกรอบ 1,390 ลบ1,440 จุด

ส่วนปีหน้ามองเป้าดัชนีหุ้นไทยไว้ที่ 1,470 จุด โดยแกว่งในลักษณะฟื้นตัวแต่ยังไม่ปัจจัยที่ต้องกังวลในช่วงไตรมาสแรกคือ การกู้เงิน 5 หมื่นล้านบาทของรัฐบาล การผ่านกฎหมายงบประมาณแผ่นดิน และยอดการสแวปหุ้นกู้ในช่วง 4 เดือนแรกจะปรับตัวสูงขึ้นเป็นพิเศษ

ทั้งนี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์เซทสมาร์ต (SETSMART) เผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงเทียบเท่ากับจีนและสิงคโปร์ในปีนี้ (YOY) ที่ 15.48% โดยเซ็กเตอร์ที่ปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับแรกคือ อุตสาหกรรมลบ 28.34% ภาคบริการลบ 18.27% ภาคทรัพยากรธรรมชาติลบ 18.27% ภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างลบ 16.50% ภาคการบริโภคลบ 14.60% ภาคการเงินลบ 13.94% ภาคการเกษตรลบ 13.93% และภาคเทคโนโลยีลบน้อยที่สุด 2.47%

ทั้งนี้ สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปีนี้กลายเป็นตลาดหุ้น “ยอดแย่” เนื่องจากเป็นการปรับเปลี่ยน (Rotation) จากปี 2565 ซึ่งเป็นตลาดหุ้นหลบภัยของบรรดานักลงทุน ประกอบกับมีแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติจากการนำกำไรไปซื้อสินทรัพย์กลุ่มอื่นและความไม่แน่นอนทางการเมืองในช่วงก่อนการเลือกตั้ง 14 พ.ค. ที่ผ่านมา รวมทั้งแนวโน้มการใช้จ่ายทางการคลังที่เกินตัวก็มีผลทำให้ความเชื่อมั่นของตลาดหดตัวลง