เคที เมดิคอล เซอร์วิส รุกอุตสาหกรรมการแพทย์ ภายในปี 2025 ปูพรมขยายหน่วยไตเทียม

225
0
Share:
เคที เมดิคอล เซอร์วิส รุก อุตสาหกรรมการแพทย์ ภายในปี 2025 ปูพรมขยาย หน่วยไตเทียม

นางสาวกาญจนา พงศ์พัฒนะเดชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคที เมดิคอล เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ KTMS เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในปี 2566 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง เหมือนกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยในช่วง1-2 ปีที่ผ่านมา พบว่า มีจำนวนคนไข้เข้ารับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เพิ่มขึ้นประมาณ 15% ต่อปี ซึ่งเชื่อว่าจำนวนผู้ป่วยเข้ารับบริการจะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงทำให้จำนวนผู้ป่วยในกลุ่มดังกล่าวจะทยอยเข้ารับการรักษาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากปัจจัยของจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น ย่อมส่งผลเชิงบวกต่อการเข้ารับการบริการด้านการรักษาภายใต้ KTMS และจากอดีตที่ผ่านมา บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ระดับ 30% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าภาพรวมอุตสาหกรรม ดังนั้นจากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปีนี้ บริษัทฯได้วางเป้าหมายรายได้รวมที่ระดับเกินกว่า 500 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทฯ วางกลยุทธ์ทางธุรกิจสำหรับปี 2023-2025 โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเปิดหน่วยไตเทียม 40-50 หน่วย และคาดว่าจะมีเครื่องไตเทียม 400-500 เครื่อง ภายในปี 2025 พร้อมเตรียมจัดตั้งศูนย์ Medical Care and Technical School เพื่อผลิตบุคลากรเฉพาะทางด้านไตเทียม และบุคลากรด้านวิศวกรรม ให้สอดรับกับแผนการขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 14 แห่ง โดยจะเป็นคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางไตเทียม (Stand-Alone) 6 สาขา และเป็นศูนย์ไตเทียมในโรงพยาบาลรัฐบาล (outsource) จำนวน 8 สาขา ส่งผลให้จะมีเครื่องไตเทียมเพิ่มขึ้นกว่า 100 เครื่อง ทั้งภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระจายหน่วยให้บริการผู้ป่วยให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย และยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการให้บริการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้บริษัทฯยังตั้งเป้าสู่การเป็น Neutral For Carbon Footprint ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และระบบผลิตน้ำบริสุทธิ์สำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม รวมทั้งการขายและการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์อย่างครบวงจร

ส่วนแผนลงทุนในโรงงานผลิตน้ำยาไตเทียมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงปลายปีนี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาทำเลและหาซื้อที่ดิน ทั้งนี้หากโรงงานแล้วเสร็จจะส่งผลให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 3-4 ล้านแกลลอนต่อปี ส่งผลให้กำลังผลิตเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัว จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 900,000 แกลลอนต่อปี และจากแผนขับเคลื่อนธุรกิจดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้ในปีนี้

“และในวันที่ 26 เมษายนนี้ บริษัทฯเตรียมนำมติเสนอต่อผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติจ่ายปันผลงวดปี 2565 (ม.ค.-ธ.ค.65) ในอัตราหุ้นละ 0.0327 บาทต่อหุ้น โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 3 พฤษภาคม 2566 และกำหนดการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นวันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม 2566”