เงินบาทเสี่ยงเผชิญการอ่อนค่าทำนิวโลว์ การเมืองที่ยืดเยื้อ ทำกองทุนต่างชาติแห่ขายหุ้น

305
0
Share:
เงินบาท เสี่ยงเผชิญการ อ่อนค่า ทำ นิวโลว์ การเมืองที่ยืดเยื้อ ทำกองทุนต่างชาติแห่ขายหุ้น

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เงินบาทของไทยเสี่ยงเผชิญการอ่อนค่าทำนิวโลว์ โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ไม่น่าจะช่วยสกัดการอ่อนค่าดังกล่าวได้ โดยล่าสุด เงินบาทอ่อนค่าลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 34.77 บาทต่อดอลลาร์ในวันศุกร์ที่ 26 พ.ค. และกำลังเคลื่อนตัวสู่ระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบปีเมื่อเดือนก.พ.ที่ 35.39 บาทต่อดอลลาร์ จากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อจากอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ของไทย ทำให้กองทุนต่างชาติแห่เทขายหุ้นและตราสารหนี้ของไทย ซึ่งถ่วงค่าเงินบาท

นายเจฟฟรี จาง นักกลยุทธ์ตลาดเกิดใหม่บริษัทเครดิต อะกริโคล ซีไอบีประจำฮ่องกง กล่าวว่าข้อวิตกกังวลสำคัญที่สุดสำหรับตลาดเงินบาทในขณะนี้ยังคงเป็นประเด็นที่ว่ากลุ่มพรรคพันธมิตรที่นำโดยพรรคก้าวไกลจะได้เสียงสนับสนุนจากวุฒิสภามากพอสำหรับเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่หรือไม่”

ธปท.มีกำหนดประกาศการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันพุธที่ 31 พ.ค. โดยคาดการณ์กันว่า กนง.จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 2% หลังจากที่นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธปท.ระบุเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ว่า ธปท.จะยึดมั่นต่อการคุมเข้มนโยบายการเงินแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นายกาลวิน เชีย นักกลยุทธ์ปริวรรตเงินตราตลาดเกิดใหม่ของบริษัทแนตเวสต์ มาร์เก็ตส์ในสิงคโปร์ ระบุว่า การตัดสินใจของธปท.จะไม่มีผลต่อค่าเงินบาทมากนัก เมื่อพิจารณาถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ค่อนข้างต่ำของไทยเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศอื่น ๆ”

ส่วนอีกปัจจัยเสี่ยงนั้นคือจีน โดยนักวิเคราะห์บางราย เช่น โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า เงินหยวนมีแนวโน้มทรุดตัวลงอีก ขณะที่นักลงทุนจะจับตาดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ของจีนที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันเดียวกับการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธปท. เพื่อพิจารณาว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปีนี้ยังคงเปราะบางหรือไม่ ซึ่งจีนเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยและเป็นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติขนาดใหญ่ที่สุดของไทย ดังนั้นค่าเงินบาทจึงค่อนข้างอ่อนไหวต่อการเคลื่อนไหวของเงินหยวน