เจ็บหนักเจ็บยาว! อ.นิด้าชี้ไทยไม่มีทางเลือก รีบสั่งวัคซีน mRNA

349
0
Share:

นายสันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า โพสข้อเฟสบุ๊กเกี่ยวกับโรคระบาดโควิด-19 รอบ 4 ในไทย มีดังนี้

Covid-19: Update Delta Wave#4 ข่าวดีข่าวร้าย เมื่อเรากำลังวิ่งเข้าสู่ Death Zone ก่อนเข้าสู่จุด Summit ยอดคลื่นสึนามิที่กำลังจะสูงระดับ Everest ณ วินาทีนี้ ไม่มีใครรู้จริงๆครับว่า จุดสูงสุดของการติดเชื้อรายวันจะอยู่ที่ใด แต่ผมเชื่อว่าอีกไม่นานจุด Summit จะเผยตัวให้พวกเราเห็น หลังจากที่เราต้องเดินเข้าสู่ “Death Zone” เสียก่อน เร็วๆนี้แหละครับ

ข่าวร้ายสำคัญคือเรากำลังเข้าสู่ 5%Trap อีกครั้ง ทั้งในเขตกทม.และทั่วประเทศ ซึ่งหมายถึง เจ็บหนัก เจ็บยาว อาจจะถึงขั้นปางตายก่อนถึงจุด Summit

ในการปีนเขา Everest เพื่อไปให้ถึงยอด Death Zone คือช่วงการปีนที่ อ็อกซิเจนไม่เพียงพอ ต้องมีเครื่องช่วย และเราจะมีเวลาสั้นๆเพื่อเดินไปให้ถึงจุดสูงสุด แล้วก็ต้องรีบลงก่อนทีจะหมดอากาศหายใจ จุด Summit จะอยู่ไม่ไกลจาก Death Zone เพราะถ้าไกลเกินไปก็จะขาดใจตายเสียก่อน

ข่าวดี และข่าวร้าย:
1. เพื่อนเยอะไม่โดดเดี่ยว: มาเลย์เซีย เวียดนาม พม่า อินโดนีเซีย แอฟริกาใต้ รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี สเปน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ฟิจิ และเพื่อนใหม่ไกลไปถึง Iceland โดนกันหนักทั่วหน้า กดไม่ลงสักที่ เวียดนามกราฟกำลังแย่กว่าเรามากๆนะครับ เป็น Exponential ที่ 10% Doubling Day ประมาณ 6 วัน ส่วนพม่านั้น เละเทะ ตายวันละกว่า 300 แบบเป็นทางการ ที่ไม่เป็นทางการคงเป็นพัน และจะไม่มีวันได้วัคซีนฝรั่งมาจบสงครามถ้าการเมืองยังเป็นแบบนี้  ฟิลิปปินส์ตอนนี้ติดเชื้อวันละ 6,000 กว่าคน นี่ขนาดยังไม่ใช่ Delta ที่นั่นกำลังสกัด Delta ทุกวิถีทางซึ่งโอกาสรอดยาก และเชื่อว่า อีกสักพัก คงมีเพื่อนเต็มไปทั้งโลก

2. ข่าวดี กทม.เรากด %Increase จาก 12% มาอยู่ที่ 5% ได้สำเร็จ แต่ข่าวร้ายคือกำลังเข้าสู่ %5Trap อีกแล้ว ถ้าไม่เพิ่มมาตรการล่ะก็ผมว่ากดลงได้ยาก เจ็บกันหนักๆยาวๆ แต่ในความเป็นจริงถ้าเราเข้า Death Zone เดี๋ยวมันก็จะวิ่งลงเอง ด้วยความกลัวของประชาชนล้วนๆ ก็จะเหมือนคนป่วยหนักที่ยังดื้อไปทำงานไม่ยอมผ่าตัด แต่ถึงจุดหนึ่งอาการทรุดสาหัสก็ต้องยอมหยุดงานไปผ่า

3. กราฟ %Increase ประเทศไทย วิ่งขึ้นช้าๆจาก 3% เข้ากำลังเข้าสู่ระดับ  4-5% เช่นกัน ผมคิดว่า Cluster โรงงานกำลังเป็นปัจจัยหลัก ซึ่งน่าจะปิดได้ยากมากๆ แต่เดี๋ยวก็จะเข้า Death Zone เหมือนกัน

4. ข่าวร้าย Israel เปิดข้อมูลมาแล้วว่า Pfizer 2 เข็มกันการติด Delta ได้แค่ 39% ขัดแย้งกับอังกฤษที่ข้อมูลคือ 88% แต่ยังกันการเข้าร.พ.และการเสียชีวิตระดับ >90% เหมือนเดิม ซึ่งบ่งบอก 2 อย่าง หนึ่งคือ ภูมิอยู่ได้ไม่นานเป็นหลักปี Israel ฉีดวัคซีนมาก่อนอังกฤษ ภูมิคุ้มกันจึงตกลงมากแล้ว และสอง mRNA เข็ม 3 เป็น Booster น่าจะจำเป็น ซึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อนรัฐบาลสหรัฐปฏิเสธข้อเสนอนี้ของบริษัทวัคซีน คงต้องทบทวนแล้ว

5.Delta นี่เป็น Covid 2.0 อย่างแท้จริง มาตรการที่เราใช้ไม่ได้แย่นะ ถ้าทำแบบนี้ ถ้าเป็นสายพันธุ์ดังเดิม อู่ฮั่น คือลง Zero New case ได้เลย ส่วนถ้ามาเจอ  Alpha สายพันธุ์อังกฤษ ก็ยังพอยันเสมอได้แม้จะปิดไม่ได้ แต่พอมาเจอ Delta กลับกลายเป็น Exponential และเจอปัญหานี้กันทั่วโลก  มาตรการเดิมๆไม่เพียงพอ  Delta เก่งกว่าสายพันธุ์อู่ฮั่นมาก มากเสียจนแทบจะเป็นไวรัสคนละตัวกันไปแล้ว ถ้าจะรับมือกับมัน เราคงต้องพัฒนาไปเป็น Lockdown 2.0 กับ Vaccine 2.0

สิ่งที่ต้องทำและสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น:
1. รัฐบาลต้องรีบจองวัคซีนให้มากที่สุดโดยด่วน ไม่ต้องคิดมากหรือลังเล ก่อนที่ทั่วโลกจะเริ่มแย่ง mRNA เพื่อเอามาฉีดเข็ม 3 ไม่งั้นเหลือแต่วัคซีนเชื้อตายก็อาจจะต้องจิ้มกัน 4 เข็มหรือมากกว่านั้น
2.Lock ตัวเองอยู่บ้านทุกคน Death Zone คืออะไร ให้นึกถึงอินเดียแบบนั้นเลย ร.พ.เต็มหมดแล้วทั่วประเทศตอนนี้ และไม่สามารถขยายได้แล้ว ส่วนใครจะยังต้องออกไปทำงานก็ Social Distancing 2.0 ใส่ Mask 2 ชั้น N95 + Surgical หน้ากากผ้านี่ห้ามเลยครับ ไม่พอครับ

3.โรงงานที่กำลังเมามันกับการปั้นตัวเลขส่งออก เตรียมตัว Lock คนงาน และเตรียมทำ Factory Isolation ได้เลย อีกไม่นานคงเข้า Death Zone กันทั่ว ณ จุดนี้คนงานขนหัวลุกจนอยากจะประท้วงให้ปิดโรงงานกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเจ้าของกับรัฐบาลก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะตัวเลขส่งออกกับ GDP มันก็ต้องทำอยู่ โจทย์ยาก เข้าใจสถานการณ์ แต่ไม่น่ารอด

4.ใครที่ยังลังเล วัคซีนดีมี แย่มี แต่ไปฉีดเถอะกันตาย  ยังไงทุกคนก็ต้องฉีดหลายเข็มอยู่แล้ว ฉีดไปด่าไปก็ไม่เป็นไร ถ้าคุณฉีดคุณจะรอด และถ้าคุณด่า เราจะได้วัคซีนที่ดีขึ้น

5.ภาครัฐต้องวางแผนการเผาศพอย่างจริงจัง มีความเสี่ยงสูงที่อาจเกิดการเผาศพไม่ทันขึ้นได้ อย่าให้ถึงขั้นต้องมาเผากันกลางแจ้งเลย หลุมศพฝังหมู่ก็อย่าให้เกิด ณ จุดนี้ไม่มองเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว

6.พึงระลึกเสมอว่า “ร.พ.เต็มหมดแล้ว” และอัตราการตายอาจพุ่งจากระดับ 1% ไปสู่ 5% หรือแย่กว่านั้น ช่วงเวลานี้เห็นสภาพที่ขัดแย้งกันมากมาย ทั้งร.พ.ที่เต็มล้นและความเหนื่อยล้าของบุคคลากรทางการแพทย์ที่ไปต่อไม่ไหวแล้ว ภาพ Rider ต่างๆที่ยังจับกลุ่มถอด Mask สูบบุหรี่พูดคุยกับเพลินใจ กราฟ Mobility ที่ยังไม่ค่อยจะลดลง ตัวเลขส่งออกเป็นสถิติและคนงานแน่นเต็มโรงงานในเดือนที่เราควรจะต้องชะลอการทำงานลง บางคนก็ตั้งคำถามว่า นี่ Lockdown (ล็อกดาวน์) กันแล้วจริงๆหรือ? ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปทั้งหมดทั้งประเทศจะแปรเป็นภาพของ “Death Zone” ซึ่งไม่เคยมีประเทศใดเลี่ยงได้ มีเพียงความตายแบบกลาดเกลื่อนตรงหน้าเท่านั้นที่จะหยุดมนุษย์ให้คิด สำนึก และหันกลับมาดูแลสุขภาพ