มหาเศรษฐีธนินท์ชี้เศรษฐกิจไทยปีหน้าดีแน่นอน สถานีรถไฟ สนามบิน ท่าเรือไม่ได้ถูกทำลาย

601
0
Share:
มหาเศรษฐี ธนินท์ ชี้ เศรษฐกิจไทย ปีหน้าดีแน่นอน สถานีรถไฟ สนามบิน ท่าเรือไม่ได้ถูกทำลาย

นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้า ดีกว่าปีนี้แน่นอน โควิดได้กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ทั้งนี้ การที่มีคนมองว่าปี 2566 เผาจริง แต่คิดว่าไม่ใช่ เผาจริงคือปี 2565 แต่ปีหน้าจะดีมากหรือน้อยอยู่ที่นโยบายรัฐบาล เพื่อให้ทั่วโลกมาลงทุนที่ประเทศไทย

“โอกาสมาแล้ว แต่ก็อยู่ที่รัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นชุดเดิมหรือชุดใหม่ว่าจะช่วยทำอย่างไร ให้เข้าใจว่าโอกาสแบบนี้ 1,000 ปี เจอครั้งหนึ่ง จะฉวยโอกาสได้อย่างไร และเงื่อนไขต่างๆ จะดึงดูดต่างประเทศเข้ามาลงทุน ให้คว้าโอกาสตรงนี้ไว้ได้ ออกเงื่อนไขต่างๆ ดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุน” ธนินท์ กล่าว

ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวต่อไปว่า ยกตัวอย่างถ้าวันนี้ผมเป็นรัฐบาลจะกระตือรือร้นออกไปชักชวนยุโรป รัสเซีย เข้ามาเมืองไทย อย่างดูไบ ที่ดินมีนิดเดียว พอรัสเซียกับยูเครน รบกัน ดูไบ ไปเชิญคนรัสเซียซื้อบ้านอยู่อย่างถาวร เราทำหรือยัง ทั่วโลกบอกว่า สตาร์ตอัพ ชอบอยู่เมืองไทย ทำไมเราไม่เอื้อกฎหมายให้เขามาทำงานในเมืองไทย ให้เข้ามาง่าย มาใช้ชีวิตในเมืองไทย มาสร้างงาน สร้างรายได้ เศรษฐกิจให้ไทย

ซึ่งคนหนึ่งผมคิดแล้วมากกว่าเอานักท่องเที่ยวมา 10 คน ทำไมเราไม่คิดบวก เขาไม่มาแย่งงานเราหรอก งานเหล่านี้คนไทยยังไม่เป็น เมื่อเราขาดคน เข้าสังคมสูงวัย ทำไมเราไม่ดึงคนเก่งเข้ามา เพราะเราสร้างคนไม่ทัน อยู่ที่รัฐบาลจะกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ กรณีให้ต่างชาติซื้อที่ดินได้ ไม่ได้บังคับว่าต้องอยู่ตลอดไป อย่างน้อยเขาจ้างคนไทยดูแลบ้านให้ ไม่ทำให้เราเสียหาย อยู่ที่การเขียนกฎหมาย อาจเริ่มจากอีอีซีก่อนก็ได้”

หลังจากนี้ทุกอย่างจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เพราะอย่างน้อยสถานีรถไฟ สนามบิน ท่าเรือต่างๆ ไม่ได้ถูกทำลายเหมือนสงครามโลกครั้งที่สอง แม้ทั่วโลกประสบกับปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการเมือง น้ำท่วม อากาศ แต่กลายเป็นว่า เป็นประโยชน์กับประเทศไทย เพราะทั่วโลกหันกลับมามองอาเซียน และไทย ที่เป็นศูนย์กลาง

สำหรับประเด็นที่รัฐบาลได้มีการออกเงื่อนไขดึงดูดต่างชาติให้เข้ามาลงทุน โดยอนุญาตให้ซื้อที่ดินในประเทศไทยได้นั้น นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส CP มองว่า เป็นการสร้างประโยชน์ เพราะต่างชาติเอาเงินมาลงทุน ซึ่งดีกว่าการท่องเที่ยวที่มาแล้วกลับ ซึ่งเป็นการเดินทางระยะสั้น แต่นี่เป็นการมาลงทุน มาสร้างงาน สร้างเงิน เพราะอย่างไรก็ตามเขาซื้อแล้วก็นำกลับบ้านเขาไปไม่ได้ เพราะซื้อที่ดินซื้อบ้านปักหลักอาศัย

“พอเจอคนโจมตีขายชาติ ขายที่ดิน ซึ่งคนมีความรู้เราต้องการเขามาลงทุนเมืองไทย มาชั่วคราว มาทำธุรกิจ จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติได้ ที่ดินเรา 105 ล้านไร่ที่ใช้เพาะปลูก เขาไม่สามารถนำที่ดินกลับไปบ้านเขาได้ เขาเอาเงินมาลงทุน ซื้อที่ ซื้อบ้านปักหลัก ดีกว่าท่องเที่ยวอีก เพราะท่องเที่ยวมาแล้วก็กลับ แต่ต่างชาติเข้ามาลงทุน มาสร้างประโยชน์ สร้างงาน สร้างเงิน แต่ก็ซื้อบ้านไม่ได้เพราะเป็นต่างชาติ ตรงนี้ก็ลำบากเมืองไทย ไม่เข้าใจว่าหวังดีต่อประเทศ กลับทำให้ประเทศเสียหาย” นายธนินท์ กล่าว

นอกจากนี้ยังควรที่จะดึงดูดกลุ่มสตาร์ทอัพจากทั่วโลกให้เข้ามาอยู่ที่ประเทศไทยด้วย โดยมองว่ารัฐบาลควรที่จะปลดล็อก ผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ ให้เข้ามาง่ายขึ้น เพราะจะทำให้ประเทศไทยมีคนเก่งจากทั่วโลกมาอาศัยอยู่ มาใช้ชีวิตในเมืองไทย พร้อมทั้งสร้างงาน สร้างผลกำไรให้กับประเทศไทย ซึ่งการเข้ามานั้นไม่ได้เป็นการแย่งงานคนไทย เพราะงานต่างๆ เหล่านี้ประเทศไทยยังขาดคนที่เข้ามาช่วยทำด้วย อีกทั้งยังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอีก

แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาล
ขณะที่เงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ที่ต้องผ่อนคลาย เพื่อดึงดูดและเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพนั้น ประธานอาวุโส CP มองว่า จริงๆ แล้วต้องดูถึงความต้องการของสตาร์ทอัพเป็นที่ตั้ง และดูว่าประเทศใดที่สตาร์ทอัพชอบไปอยู่ ศึกษาเงื่อนไขว่าเขาทำอย่างไร ประเทศไทยก็ดึงมาใช่ และเสริมให้ดีกว่า นำมาปรับปรุงเรียนรู้และต่อยอด

ประธานอาวุโส CP ยังมองว่าประเทศไทยต้องคบกับทุกประเทศ ไม่ยุ่งเรื่องการเมือง แต่มุ่งเน้นไปที่ประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นมากที่สุด ซึ่งสหรัฐอเมริกาก็ยังเป็นผู้นำเศรษฐกิจของโลก แต่ตลาดที่ยิ่งใหญ่นั้นอยู่ที่จีน แต่เทคโนโลยีที่ดีที่สุดก็ยังอยู่ที่สหรัฐอมเริกา รวมถึงเรื่องการเงินด้วย เพราะฉะนั้นต้องมีการสร้างสมดุลให้ได้