เตรียมจำกัดการถือครองหน้ากากอนามัย

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิกระทรวงสาธารณสุข / สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา / สมาคมร้านขายยา รวมทั้งได้เพิ่มผู้แทนหน่วยงานจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อใช้มาตรการกำกับดูแลผู้ค้าหน้ากากอนามัยทั้งแบบออฟไลน์ และโดยเฉพาะออนไลน์ ที่ดำเนินการจับกุมได้ยาก
.
เบื้องต้นจะดำเนินการกับผู้ค้าที่ประกาศขายทางโซเชียลทุกช่องทางทั้งในเฟสบุ๊คส่วนตัว / แพลตฟอร์มออนไลน์ / หรือมาร์เก็ตเพรส ที่เป็นเว็บไซต์สื่อกลางระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขาย ซึ่งมีวิธีการหาผู้กระทำผิด เหมือนกับผู้เผยแพร่ข่าวปลอม หรือ เฟกนิวส์ ที่กระทรวงดีอีใช้อยู่ โดยเจ้าของแพลตฟอร์มต่างๆ ก็อาจเข้าข่ายเป็นผู้กระทำความผิดฐานขายสินค้าในราคาสูงเกินสมควรด้วย
.
นอกจากนี้จะเสนอมาตรการต่อที่ประชุม กกร. ในเร็วๆ นี้ เพื่อออกประกาศให้ผู้ใดที่ถือครองหน้ากากอนามัยเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ต้องแจ้งการถือครองด้วย เพื่อป้องกันการกักตุน ไม่ให้อยู่ในกับคนใดคนหนึ่งมากเกินไป โดยได้มอบให้กรมการค้าภายใน ไปหารืออีกครั้ง เพื่อกำหนดปริมาณเพดานการถือครองที่ชัดเจน แต่จะเน้นไปที่บุคลคลทั่วไป เช่น บุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคลที่ไม่ได้ประกอบอาชีพร้านขายยา
.
รวมถึงผู้ค้าทั้งออนไลน์ และออฟไลน์เนื่องจากพบว่ามีผู้ค้า ประกาศมีสินค้ารอการขายล็อตใหญ่ๆจำนวนมาก และจะต้องยกเว้นให้ใครบ้าง เช่น สถานพยาบาล หรือ ร้านขายยา ซึ่งหากมีการออกประกาศแล้ว พบการขายราคาเกินควร และยังมีสต๊อกขายในปริมาณมาก จะมีความผิดเพิ่มเป็น 2 ข้อหาทันที จากมาตรการเดิมจะเน้นให้ผู้ค้า และผู้ผลิต และผู้ส่งออก แจ้งสต็อกสินค้าเท่านั้น
.
อย่างไรก็ตาม หลังจากขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตหน้ากากอนามัย เดินเครื่องจักรเต็มกำลัง ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 38 ล้านชิ้นต่อเดือน ซึ่งขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้ดึงมายังศูนย์บริหารจัดหน้ากากอนามัย เพื่อดูแลทั้งหมด 100% แต่การจัดสรรยังอยู่ระหว่างการหารือ ซึ่งมีทุกหน่วยงานรวมอยู่ทั้งหมด ที่จะต้องพิจารณาตามความจำเป็นในการใช้เป็นหลัก ซึ่งในส่วนสินค้าที่จะอยู่ระบบการค้าปกติของผู้ผลิตก็ต้องมาพิจารณาร่วมกันด้วย