เทยาวๆ! เงินบิทคอยน์คืนผ่านมาถูกถล่มขายหลุด 43,000 ดอลลาร์ หรือกว่า 1.37 ล้านบาท

488
0
Share:

ตลาดซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลในตลาดนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อคืนที่ผ่านมา 17 พฤษภาคม 2564 เวลา 11.30 น.(เวลาในนิวยอร์ก สหรัฐ) รายงานว่าค่าเงินบิทคอยน์เทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ระดับ 42,185 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,349,920 บาทต่อบิทคอยน์ ร่วงลงถึง -6.2% ทำสถิติราคาเงินบิทคอยน์ลงต่ำสุดในรอบ 3 เดือน 10 วัน และเป็นราคาต่ำสุดครั้งใหม่ หรือตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีราคาปิดที่ระดับ 43,874 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,403,968 บาทต่อบิทคอยน์ ซึ่งเป็นค่าเงินบิทคอยน์ที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 หรือในรอบเกือบ 3 เดือนผ่านมา

ในสัปดาห์ที่ผ่านไป ปรากฎว่ามูลค่าตลาดเงินบิทคอยน์ และกองทุนเงินบิทคอยน์ถูกถอนออกไปมากถึง 98 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3,136 ล้านบาท ทำสถิติมูลค่าบิทคอยน์รายสัปดาห์ที่เสียหายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์

ในขณะเดียวกัน หากนับตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงปัจจุบัน เงินบิทคอยน์ยังคงมีเงินเข้าลงทุน 4,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 137,600 ล้านบาท สำหรับในปี 2563 นั้น นักลงทุนทั่วโลกเข้าลงทุนในตลาดเงินบิทคอยน์และกองทุนรวมมูลค่า 15,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 499,200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบิทคอยน์ปิดตลาดคืนที่ผ่านมา มีราคาร่วงลงมากถึง 35% เมื่อเปรียบเทียบกับราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เฉียด 65,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,080,000 บาท

สาเหตุจากนักลงทุนแห่เทขายเงินบิทคอยน์ต่อเนื่อง หลังจากนายอีลอน มัสค์ ซีอีโอค่ายรถยนต์ไฟฟ้าเทสล่า ประกาศยุติการรับเงินบิทคอยน์ในการซื้อขายทำธุรกรรมกับเทสล่า โดยให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ในช่วงเช้าวันนี้ อีลอน มัสค์ ทวิตข้อความว่า บริษัทโฮลดิ้งของเทสล่า จะเทขายเงินบิทคอยน์ที่ถือลงทุนไว้ออกจากพอร์ตทั้งหมด ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ อีลอน มัสค์ เปิดเผยว่า บริษัทเทสล่าใช้เงินสด 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 48,000 ล้านบาทเข้าลงทุนเงินบิทคอยน์

ตลาดเงินดิจิทัลมีความผันผวนสูงมาก เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 มูลค่าตลาดเงินดิจิทัลทั่วโลกเสียหายไปถึง 260,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 8.32 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินบิทคอยน์ และเงินอีเธอเลียมมีผลตอบแทนจากการลงทุนตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงเมื่อวันที่ 23 เมษายน เหลือ 71% และ 200% ตามลำดับ

สาเหตุที่มีการกระหน่ำเทขายเงินดิจิทัลอย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 พบว่ามีปัจจัยลบหลายอย่าง เช่น ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐที่เกิดการกระหน่ำเทขายในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงกับการยอมรับเงินดิจิทัลใช้ในการลงทุน และการทำธุรกรรมการเงิน ธนาคารกลางตุรกีประกาศไม่ยอมรับเงินดิจิทัลในการทำธุรกรรมต่างๆ ธนาคารกลางอินเดียเตรียมใช้กฎหมายห้ามทำการซื้อขายและแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัล รวมถึงห้ามเป็นเจ้าของหรือถือครองเงินดิจิทัล นอกจากนี้ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ กล่าวว่าเงินบิทคอยน์เป็นสินทรัพย์เก็งกำไรที่เสี่ยงสูงมากๆ และมีความกังวลว่านักลงทุนจะขาดทุนจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้

เมื่อย้อนกลับไปจะพบว่า เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2564 ค่าเงินบิทคอยน์เคลื่อนไหวพุ่งสูงสุดทำสถิติเป็นประวัติการณ์ถึง 64,895.22 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,076.647 บาทต่อบิทคอยน์ หรือเพิ่มขึ้นกว่า 2.7% เมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวันที่ 12 เมษายน นอกจากนี้ ยังทำสถิติปรับขึ้นถึง 7 รอบการซื้อขายติดต่อกัน นับเป็นช่วงเวลาปรับขึ้นยาวนานที่สุดในรอบ 3 เดือนกว่า หรือตั้งแต่ต้นปีนี้ ดังนั้น หากเปรียบเทียบราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันที่ 14 เมษายน กับราคาปิดในตลาดเอเชียวันนี้ 23 เมษายน 2564 พบว่า ค่าเงินบิทคอยน์ดำดิ่งมากถึง 16,425.17 ดอลลาร์สหรัฐ หรือร่วงหายไปมากถึง 525,605 บาทต่อบิทคอยน์

ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา มูลค่าตลาดเงินบิทคอยน์มีมูลค่าทะยานแตะ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 64 ล้านล้านบาท หลังจากเงินบิทคอยน์พุ่งขึ้นแตะ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,920,000 บาทต่อบิทคอยน์ เป็นครั้งแรกเมื่อต้นเดือนมีนาคม ค่าเงินบิทคอยน์ทะยานขึ้นถึง 120% นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 ถึงวันนี้ และพุ่งทะยานถึง 800% ในปี 2563