นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ หรืออาร์อีไอซี (REIC) กล่าวว่า ภาวะราคาที่ดินเปล่าที่ยังไม่ได้มีการพัฒนาขึ้นโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ในช่วงราคาที่ดินเปล่าขยับเพิ่มขึ้นก็จริงแต่มีแนวโน้มราคาชะลอตัวลง เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวจากปัจจัยลบต่าง ๆ อัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือดอกเบี้ยแบงก์ชาติที่อยู่ในระดับ 2.50% ซึ่งปรับขึ้นครั้งที่ 5 ในปี 2566 และอาจมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูงอีกระยะหนึ่ง
ขณะที่รัฐบาลประกาศจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเต็มอัตราโดยไม่ได้รับส่วนลด 90% เหมือนในปี 2562-2563 ด้านกรมธนารักษ์ประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่รอบปี 2566-2569 ทำให้เจ้าของที่ดินได้ตัดสินใจขายที่ดินเปล่ามีจำนวนหนึ่งเข้าสู่ตลาดเพื่อลดภาระการจ่ายภาษีที่ดิน
สอดรับกับความต้องการซื้อที่ดินสะสมของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ก็ลดลง เพื่อลดภาระการจ่ายภาษีจากการซื้อที่ดินสะสมไว้ ส่งผลต่อต้นทุนจากการถือครองที่ดินเพิ่มสูงขึ้น ด้านปัจจัยลบที่ส่งผลต่อกำลังซื้อโดยตรงนั้น ได้แก่ ภาวะหนี้สินครัวเรือนที่สูงเกินกว่า 90% ของจีดีพีประเทศ มาตรการผ่อนปรน LTV ของแบงก์ชาติที่ได้หมดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ผ่านไป ทำให้กำลังซื้อที่อยู่อาศัยชะลอตัวลง ผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัวโดยชะลอแผนการเปิดขายโครงการใหม่ลง จึงอาจต้องชะลอการซื้อที่ดินเปล่าสะสมเพื่อการพัฒนาลงไปด้วย