เทหุ้นวันแรก! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดดิ่งกว่า 200 จุด ราคาน้ำมันดิบปิดเหนือกว่า 83 ดอลลาร์ ราคาทองคำปิดร่วงเหลือกว่า 1,755 ดอลลาร์

244
0
Share:

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 (ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 34,496 จุด -250 จุด หรือ -0.72% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,361 จุด -30 จุด หรือ -0.69% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 14,486 จุด -93 จุด หรือ -0.64% สาเหตุจากเริ่มต้นการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความกังวลจากแนวโน้มหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน เทคโนโลยี อาจไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 80.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.17 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.5% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 ปี หรือนับตั้งแต่ตุลาคม 2014 ที่สำคัญ โดยในช่วงระหว่างวันมีราคาสูงสุดแตะที่ 82.18 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 83.65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.26 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.5% โดยในช่วงระหว่างวันมีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 84.60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018

สาเหตุจากนักลงทุนประเมินว่าเกิดความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐอาจไม่ตัดสินใจปล่อยน้ำมันสำรองเชิงยุทธศาสตร์มาช่วยแก้ปัญหาปริมาณน้ำมันตึงตัวในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ กลุ่มโอเปกพลัสมีสติไม่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบไปมากกว่าที่ตกลงไว้ที่เดือนละ 400,000 บาร์เรล/วัน โดยมีผลในเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนปี 2565 กลุ่มโอเปกพลัสเปิดรายงานปริมาณน้ำมันดิบโลกในปีนี้จะหดหายไปจากตลาดโลกราว 1.1 ล้านบาร์เรล/วัน รวมถึงมุมมองของธนาคารชั้นนำระดับโลกอย่างโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบอาจแตะที่ระดับ 90 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในปีนี้

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,755.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -25.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.1% สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับแข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ อาจมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐอาจไม่ยกเลิกมาตรการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นตามที่คาดการณ์กันก่อนหน้านี้