เบอร์หนึ่งแบงก์ชาติลั่นไม่ห่วงหนี้เสียเพิ่มสะสม เงินเฟ้อไทยน่ากลัวกว่าภาระดอกเบี้ย

248
0
Share:
เบอร์หนึ่ง แบงก์ชาติ ลั่นไม่ห่วง หนี้เสีย เพิ่มสะสม เงินเฟ้อ ไทยน่ากลัวกว่าภาระ ดอกเบี้ย

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ กล่าวว่า แนวโน้มหนี้เสีย หรือเอ็นพีแอลของไทยว่า แม้ว่าหนี้เสียจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่คงไม่เป็นภาวะ NPLs cliff หรือเกิดหนี้เสียสะสมมากมายกลายเป็นก้อนใหญ่มหาศาล ที่จนกระทบต่อเสถียรภาพแน่นอน ในด้านข้อกังวลเกี่ยวกับหนี้ที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ ที่เพิ่มขึ้นนั้น ไม่ใช่สินเชื่อหนี้ที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษทั้งหมดที่จะกลายเป็นหนี้เสีย เช่น สินเชื่อบ้านที่เข้าข่ายหนี้ที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษจะมีเพียง 22% เท่านั้นที่เป็นหนี้เสีย แต่ที่กลับไปเป็นหนี้ปกติจะมี 30% เป็นต้น

สำหรับดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นนั้น คงไม่มีใครชอบ คนกู้เงินก็ลำบาก อย่างที่ทราบกันดีว่า ขณะนี้หนี้ครัวเรือนของไทยก็อยู่ในระดับสูง แต่การขึ้นดอกเบี้ยเป็นสิ่งจำเป็น เพราะต้องทำให้เงินเฟ้อกลับมาอยู่ในกรอบเงินเฟ้ออย่างยั่งยืน และเข้าสู่ความสมดุลในเศรษฐกิจกลับเข้ามาอย่างที่ควรเป็น

คำถามที่ว่าแบงก์ชาติไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยประชาชนที่เดือดร้อนจากดอกเบี้ยที่ขึ้น และภาระหนี้ที่สูงขึ้นหรือเปล่า โดยเฉพาะครัวเรือนที่มีภาระหนี้ต่อรายได้สูง ก็ตอบว่าเป็นห่วง แต่แบงก์ชาติต้องดูในภาพรวม เพราะผลของเงินเฟ้อจะหนักกว่าผลของดอกเบี้ยต่อภาระของประชาชนมาก

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวต่อไปว่า ยกตัวอย่างค่าใช้จ่ายครัวเรือนในภาคเหนือ จะเห็นว่าเฉพาะในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม คิดเป็น 2 เท่าของค่าใช้จ่ายของคนภาคเหนือในการชำระหนี้ ถ้าแบงก์ชาติปล่อยให้เงินเฟ้อในเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม หรือหมวดที่คนบริโภควิ่งไปเรื่อยๆ เช่น โต 6% โตต่อเนื่อง ภาระต่อประชาชนจะมากกว่าภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นบนหนี้ที่คนต้องจ่ายค่อนข้างเยอะ

ถ้าดูโครงสร้างหนี้ของครัวเรือนในภาคเหนือ 40% เป็นสินเชื่อแบบดอกเบี้ยคงที่ เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล และเช่าซื้อ ซึ่งพวกนี้แม้ว่าดอกเบี้ยจะขึ้น แต่ไม่ได้กระทบ เพราะดอกเบี้ยคงที่ ส่วนอีกก้อนที่ใหญ่ คือ 20% เป็นสินเชื่อบ้าน แม้ว่าดอกเบี้ยจะเป็นแบบลอยตัว แต่ค่างวดแบบคงที่ ดังนั้น เมื่อรวมเบ็ดเสร็จ 2 ก้อนรวม 70% ของหนี้ของครัวเรือนในภาคเหนือของดอกเบี้ยคงที่ และค่างวดแบบคงที่

การที่ดอกเบี้ยปรับสูงขึ้นนั้น ไม่ได้ทำให้ประชาชนต้องจ่ายเป็นรายเดือนเพิ่มขึ้นทันที แต่เป็นสิ่งที่แน่นอนว่าคนที่มีการจ่ายค่างวดแบบคงที่ก็ต้องจ่ายยาวขึ้น แต่ผลไม่ได้มาเต็มๆขนาดนั้น

นายเศรษฐพุฒิ กล่าวต่อว่าเข้าใจดีว่า การขึ้นดอกเบี้ยจะสร้างปัญหาให้ครัวเรือน โดยเฉพาะครัวเรือนเปราะบาง แต่ แบงก์ชาติได้จัดทำมาตรการมารองรับและดูแลกลุ่มที่เปราะบางที่จะได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยเป็นพิเศษ ซึ่งทำมาโดยตลอดมาตั้งแต่ช่วงโควิด และล่าสุดได้ออกมาตรการดูแลเรื่องหนี้ 3 เรื่อง คือ การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม ซึ่งรวมถึงการแก้ปัญหาหนี้เรื้อรัง การกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกหนี้ และการกำหนดภาระหนี้ต่อรายได้