เมกาเตรียมตัว! สหรัฐจ่อเผชิญยอดติดรายวันเกิน 200,000 คนใน 2-3 อาทิตย์หน้า
นายแพทย์ฟรานซิส คอลลินส์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ NIH กล่าวว่า ส่วนตัวจะไม่รู้สึกประหลาดใจแน่ ถ้ายอดติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายวันของสหรัฐอเมริกาไม่ผ่านวันละ 200,000 คนในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า และนั่นเป็นความเจ็บปวดอีกครั้งซึ่งสหรัฐไม่เคยคิดว่าจะต้องกลับมาเจอยอดติดเชื้อรายวันสูงขนาดนั้นครั้งใหม่
สถานการณ์ที่เคยติดเกินวันละ 200,000 คน เคยเกิดขึ้นในเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีกในเดือนสิงหาคม แต่สหรัฐอเมริกากำลังอยู่กับเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้า หรืออินเดีย ซึ่งระบาดติดเชื้อได้ง่ายมากๆ และสิ่งที่บีบหัวใจต่อไป คือ มีชาวอเมริกันราว 90 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ CDC เปิดเผยว่า ข้อมูลถึงวันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พบว่า สหรัฐอเมริกามียอดติดเชื้อรายวันในช่วง 7 วันผ่านมา เฉลี่ยวันละ 129,000 ราย อัตราเฉลี่ยนี้เพิ่มขึ้นทุกวันนับตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคมเป็นต้นมา
ขณะที่นายแพทย์โจนาธาน ไรเนอร์ นักวิเคราะห์สาธารณสุขของสถานีโทรทัศน์สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น และแพทย์ด้านระบาดวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน กล่าวว่า ระบบได้ล่มสลายแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ประเด็นขาดแคลนเตียงผู้ป่วย เพราะสามารถสร้างโรงพยาบาลสนามที่ไหนก็ได้ แต่สะท้อนจากบุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์สาธารณสุขในการที่จะดูแลจำนวนผู้ป่วยโรคระบาดโควิด-19 ขณะนี้สหรัฐอเมริกาประสบปัญหาภาวะขาดแคลนนางพยาบาลประจำห้องไอซียู
ภาวะการระบาดในปัจจุบันของสหรัฐอเมริกากลับมาอยู่ในกลุ่มวัยหนุ่มสาวช่วงอายุ 30 ปี พบว่า อัตราของกลุ่มประชากรวัยดังกล่าวที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลพุ่งขึ้นเกือบ 300% ใน 1 เดือนผ่านมา สิ่งสำคัญคืออัตราดังกล่าวพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาเป็นต้นมา
สำหรับการเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกานั้น ข้อมูลถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พบว่าราว 50.7% ของประชาชนทั้งหมดได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส
ทั้งนี้ ศูนย์ CDC รายงานว่าในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมาถึงวันที่ 15 สิงหาคม พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 30,883 ราย ส่งผลต่อยอดติดเชื้อสะสมเป็น 37,466,718 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตรายใหม่มี 12 ราย รวมเสียชีวิตสะสมเป็น 637,561 ราย ทำสถิติสูงสุดอันดับ 1 ของโลกทั้ง 2 ยอดในสหรัฐอเมริกา
