เยอรมนีประกาศใช้มาตรการจำกัดการใช้ชีวิตผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนโควิด-19 หลังยอดติดเชื้อ-เสียชีวิตพุ่งเป็นประวัติการณ์

นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลแห่งเยอรมนี พร้อมด้วยมุขมนตรีของรัฐทั้ง 16 แห่ง ได้ออกคำสั่งให้ใช้มาตรการจำกัดด้านต่าง ๆ เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดระลอกที่ 4 ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะที่มียอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยมาตรการหลายข้อที่ประกาศใช้ในครั้งนี้จะไม่จำเป็นเลย หากมีประชาชนจำนวนมากขึ้นยอมเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อาทิจำกัดการใช้ชีวิตในสถานที่สาธารณะสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก

โดยหากในพื้นที่นั้นมีผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากเชื้อโควิด-19 มากกว่า 3 คนต่อประชากร 100,000 คน ก็จะมีการใช้กฎระเบียบ 2G ซึ่งกำหนดว่าผู้ที่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนแล้วหรือหายป่วยจากโควิด-19 แล้ว ซึ่งในปัจจุบันมีเพียงเมืองฮัมบูร์ก, รัฐโลเวอร์แซกโซนี, รัฐชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์ และรัฐซาร์แลนด์เท่านั้นที่อยู่ภายใต้กฎดังกล่าว

นอกจากนี้เยอรมนีกำลังพิจารณาออกคำสั่งบังคับให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน และจะกลับมาเปิดให้ประชาชนสามารถเข้ารับการทดสอบหาเชื้อโควิด-19 ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และนายกฯ เยอรมนียังได้ยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันอยู่ในขั้นรุนแรง และการระบาดระลอกที่ 4 กำลังโจมตีประเทศของเราแบบเต็มกำลัง โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันสูงกว่าที่เคยเป็นมา และยอดผู้เสียชีวิตรายวันก็น่าตกใจไม่แพ้กัน

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 18 พ.ย. เยอรมนีรายงานยอดผู้ติดเชื้อกว่า 65,000 ราย ซึ่งสูงเป็นสถิติใหม่ ด้านผู้เชี่ยวชาญหลายรายก็ได้ประกาศเตือนว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอาจสูงกว่าตัวเลขที่รายงานถึง 2-3 เท่า