เยอรมนียอดติดโควิด-19 รายใหม่ทะลุกว่า 76,000 คน มากเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่

402
0
Share:

วันนี้ 26 พฤศจิกายน 2564 สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในเยอรมนียังคงเลวร้ายอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความเป็นเอกภาพในการตัดสินใจใช้มาตรการควบคุมและป้องกันอย่างเข้มข้นสูงสุด การประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีหญิงเยอรมนี นางแองเกลา แมเคิล และผู้นำพรรคการเมืองทุกพรรคไม่สามารถตกลงกันได้โดยเฉพาะมาตรการปิดล็อกดาวน์ระดับประเทศ

นางแองเกลา แมเคิล กล่าวว่า ในการประชุมรัฐบาลจากทั้ง 16 แคว้นทั่วประเทศครั้งล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ได้เสนอให้ประกาศมาตรการปิดล็อกดาวน์ประเทศเยอรมนีเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยมีผลตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายนเป็นต้นไป แต่ในขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลของว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่กลับคัดค้านข้อเสนอปิดล็อกดาวน์ทั้งประเทศนาน 2 สัปดาห์ โดยให้ติดตามและประเมินสถานการณ์การระบาดในเยอรมนีเพื่อตัดสินใจอีกครั้ง ถึงแม้ว่าทั้งรัฐบาลกลางและรัฐบาลแห่งแคว้นทุกแห่งในเยอรมนีเห็นชอบในหลักการใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศเยอรมนี ซึ่งจะขึ้นอยู่กับกับการประเมินภาวะผู้ป่วยโรคระบาดโควิด-19 ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล

สถาบันวิจัยการควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติ ประเทศเยอรมนี หรือ RKI เปิดเผยว่าในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 มีผู้ติดโรคระบาดโควิด-19 เพิ่มขึ้น 75,565 ราย ไม่เพียงทำสถิติติดเชื้อรายวันมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ แต่ยังทำสถิติเป็นวันแรกที่มียอดติดเชื้อรายวันเกิน 70,000 รายขึ้นไปเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมเป็น 5,622,480 ราย อยู่อันดับที่ 9 ของโลก และอันดับ 5 ของยุโรป

ในขณะที่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ 315 ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 100,796 ราย ทำให้เยอรมนีกลายเป็นประเทศที่ 5 ในยุโรปที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดโควิด-19 แตะ 100,000 ราย ก่อนหน้านี้ รัสเซีย สหราชอาณาจักร อิตาลี และฝรั่งเศส เป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตเกิน 100,000 รายตามลำดับ ด้านสถาบัน RKI เปิดเผยว่า อัตราการเสียชีวิตจากโรคระบาดโควิด-19 อยู่ที่ 0.8% นั่นหมายถึง จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 50,000 ราย จะมีผู้ป่วยติดเชื้อเสียชีวิตราว 400 รายต่อวัน

นายแพทย์คริสเตียน ดรอสเทน ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาชื่อดังในเยอรมนี กล่าวว่า ขอเตือนประชาชนชาวเยอรมนีให้รีบเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 สถานการณ์การระบาดที่รุนแรงและเลวร้ายซึ่งทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตสะสมแตะ 100,000 รายเมื่อกว่า 24 ชั่วโมงที่ผ่านมานั้น จะยังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านี้ มีแนวโน้มว่าชาวเยอรมนีอาจเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 100,000 รายท่ามกลางการระบาดในรอบที่ 4 ในปัจจุบัน

ขณะนี้อัตราการติดเชื้อในช่วง 7 วันติดต่อกันถึงเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ในภาพรวมทั้งประเทศอยู่ที่ 400 ราย ทำสถิติมากที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เกิดการระบาดในเยอรมนีเป็นต้นมา ขณะที่ทางภาคตะวันออกของแคว้นแซกโซนีในเยอรมนีมีสถิติพุ่งทะยานสูงเกือบ 1,000 รายต่อประชากร 100,000 ราย ซึ่งทำสถิติใกล้เคียงค่าถึง 3 เท่ามากกว่าอัตราเฉลี่ยทั้งประเทศเยอรมนี

ว่าที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนต่อไป นายโอลาฟ ชูลท์ กล่าวว่า สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 เยอรมนีอยู่ในภาวะรุนแรง ซึ่งต้องเร่งโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ครั้งใหญ่ ขอย้ำว่าการฉีดวัคซีนคือทางออกของภาวะโรคระบาดโควิด-19 นอกจากนี้ เยอรมนีต้องตัดสินใจใช้มาตรการบังคับฉีดวัคซีนกับประชาชนชาวเยอรมนีบางกลุ่ม

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา งานเทศกาลตลาดคริสต์มาสประจำปีในเมืองมิวนิค ซึ่งเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกถูกยกเลิกการจัดงานในปีนี้อย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นการยกเลิกเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน สาเหตุจากการระบาดของโรคโควิด-19 รอบที่ 4 ในปัจจุบันที่รุนแรงเป็นประวัติการณ์ เทศกาลดังกล่าวสร้างรายได้ระหว่าง 3,400-5,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 112,200-184,800 ล้านบาท

ทางการแคว้นบาวาเรียประกาศคำสั่งสถานการณ์ฉุกเฉินครอบคลุมทั้งแคว้นบาวาเรียโดยมีผลทันที สาเหตุจากภาวะการระบาดของโรคโควิด-19 ที่รุนแรงเป็นวงกว้างทั้งแคว้น รวมถึงอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลพุ่งสูงมาก

ทางการเมืองเบอร์ลินประกาศมาตรการห้ามบุคคลใดก็ตามที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสเข้าใช้บริการสถานที่ตามสาธารณะ กำหนดให้ภาคเอกชนหรือเจ้าของธุรกิจให้มีคำสั่งถึงพนักงานทุกคนให้ทำงานจากที่บ้าน และในกรณีจำเป็นต้องเข้าสำนักงานให้จำกัดจำนวนพนักงานไม่เกิน 50% ของปกติ

ปัจจุบัน เยอรมนีทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ในรอบแรกได้ครอบคลุมราว 2 ใน 3 หรือ 67% ของประชากรทั้ง 83 ล้านคนทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม พบว่ามีประชาชนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป จำนวน 16.2 ล้านคน ในจำนวนดังกล่าวมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 3.2 ล้านคน ยังไม่รับการฉีดวัคซีน

นอกจากนี้ สำหร้บการฉีดเข็มบูสเตอร์ หรือเข็มที่สามในเยอรมนี พบว่ายังคงมีความล่าช้าโดยในสัปดาห์ที่ผ่านไป 75% ของวัคซีนที่ฉีดไปทั้งหมด 2.5 ล้านโดสเป็นวัคซีนเข็มที่สาม ในขณะที่มีเพียง 13% หรือราว 329,000 รายเป็นผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดเข็มแรก หากยังคงเป็นไปตามนี้ นั่นหมายความว่า จะมีเพียง 10% ของจำนวนประชากรวัยผู้ใหญ่เกือบ 15 ล้านคนที่จะได้รับวัคซีนเพียงเข็มแรกภายในสิ้นปีนี้

เมื่อนับถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 เยอรมนีมีผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบโดสแล้วกว่า 56.4 ล้านคน ทำให้อัตราการฉีดวัคซีนอยู่ที่ 68% ขณะที่รัฐบาลเยอรมนีต้องการเห็นอัตราการฉีดวัคซีนครบโดสที่มากกว่า 75% ของเป้าหมาย หรือมากกว่า 62 ล้านคนขึ้นไป ส่งผลให้เยอรมนีเป็นอีกประเทศที่มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ล่าช้ากว่าอีกหลายประเทศในยุโรป เช่น โปรตุเกสฉีดครอบคลุม 88% สเปนฉีดไปแล้ว 81% เป็นต้น

ทั้งนี้ เยอรมนีเป็น 1 ใน 63 ประเทศกลุ่มเสี่ยงต่ำที่ประเทศไทยประกาศอนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และมีผลตรวจรับรอง สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป