เล็งปี 66 ค่าไฟฟ้าพุ่งกระฉูดอีก 16% สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ชาติไทย

575
0
Share:
เล็งปี 66 ค่าไฟฟ้า พุ่งกระฉูดอีก 16% สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ชาติไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า สำหรับประเทศไทย แม้จะมีการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติเป็นแหล่งเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า โดยมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 64 ของแหล่งเชื้อเพลิงทั้งหมด ในขณะที่ความต้องการไฟฟ้ามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทว่าความเสี่ยงต่อการขาดแคลนไฟฟ้าในไทยน่าจะมีจำกัด เพราะได้มีการวางแผนจัดหาก๊าซธรรมชาติในลักษณะสัญญาระยะยาวไว้ก่อนแล้ว รวมไปถึงอุปทานที่น่าจะทยอยเพิ่มขึ้นจากการเร่งเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยหลังการเปลี่ยนผ่านสัมปทาน และการวางแผนใช้น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาทดแทนก๊าซธรรมชาติในโรงผลิตไฟฟ้าที่เครื่องจักรรองรับได้ ทำให้หากไม่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น เช่น ภัยธรรมชาติที่กระทบต่อการขนส่งก๊าซ เป็นต้น ความเสี่ยงต่อการขาดแคลนเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้าน่าจะมีจำกัด

อย่างไรก็ดี ไทยก็น่าจะยังคงเผชิญแนวโน้มค่าไฟที่มีทิศทางขาขึ้น จากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ยังคงอยู่ในระดับสูงแม้ราคาจะมีแนวโน้มย่อตัวลงบ้างในช่วงปีหน้า ประกอบกับการทยอยลดภาระอุดหนุนค่าไฟของภาครัฐ และเงินบาทที่ผันผวนในทางอ่อนค่า ทำให้ค่าไฟฟ้าในปีหน้าน่าจะยังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ค่าไฟเฉลี่ยในปี 2566 น่าจะเพิ่มขึ้นแตะราว 4.85 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 16 จากค่าไฟเฉลี่ยทั้งปี 2565 ที่อยู่ราว 4.18 บาทต่อหน่วย

ค่าไฟฟ้าของไทยที่มีทิศทางขาขึ้น ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพและกำลังซื้อของผู้บริโภค แต่ยังสร้างแรงกดดันต่อต้นทุนของภาคธุรกิจ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ทุก 1% ของค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ต้นทุนธุรกิจเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 0.024% ส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องเผชิญแรงกดดันด้านต้นทุนส่วนเพิ่มเฉพาะที่เกิดจากค่าไฟราว 0.8% จากค่าไฟขาขึ้นในช่วงปี 2565-66

ภายใต้ทิศทางขาขึ้นของค่าไฟ แนวทางปรับตัวโดยการปรับขึ้นราคาสินค้าหรือบริการอาจกระทำได้จำกัดในช่วงที่เศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องใช้แนวทางปรับตัวอื่นประกอบเพื่อบริหารจัดการต้นทุนค่าไฟฟ้า

ทั้งนี้ ผลของสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อได้ก่อให้เกิดวิกฤตพลังงานกระจายตัวไปในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศในยุโรปที่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงทั้งด้านอุปทานที่ขาดแคลนและราคาที่เพิ่มสูงขึ้นของก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลัก โดยล่าสุดสถานการณ์มีความน่ากังวลมากขึ้น หลังการรั่วไหลของท่อส่งก๊าซหลักที่ลำเลียงก๊าซจากรัสเซียไปยุโรป ขณะที่กำลังเข้าใกล้ฤดูหนาวของทางซีกโลกเหนือซึ่งจะมีความต้องการใช้พลังงานสูงขึ้น ทำให้ยุโรปน่าจะยิ่งได้รับแรงกดดันจากวิกฤตพลังงานมากขึ้นในระยะข้างหน้า