เศรษฐกิจสหรัฐพังยับกว่า 400 ล้านล้านบาท ใช้เวลา 2 ปีฟื้น รับโควิด-19

944
0
Share:

สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี ร่วมกับธนาคารกลางสหรัฐ เปิดเผยผลสำรวจวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 พบว่า มีสัดส่วนราว 36% ที่มองว่า ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด อาจต้องอัดฉีดเงินเข้าเยียวยาเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มอีก 3.35 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มอีก 111 ล้านล้านบาท จากก่อนหน้านี้ที่อัดฉีดไปแล้ว 6.45 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 213 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นยอดอัดฉีดเงินเข้าระบบครั้งประวัติศาสตร์ หากเป็นไปตามนี้จริง จะส่งผลให้ยอดเงินอัดฉีดจากธนาคารกลางสหรัฐจะสูงถึง 9.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 324 ล้านล้านบาท
.
ขณะที่ผลสำรวจดังกล่าว เปิดเผยในส่วนของรัฐสภาสหรัฐ อาจต้องเพิ่มงบประมาณเยียวยาจากรัฐบาลอเมริกันอีก 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 66 ล้านล้านบาท จากที่ก่อนหน้านี้ ผ่านกฎหมายงบประมาณเยียวยาไปแล้ว 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 82.5 ล้านล้านบาท รวมกันเป็น 148.5 ล้านล้านบาท ซึ่งมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ ดังนั้น ยอดเงินอัดฉีดเยียวยาเศรษฐกิจสหรัฐจากทั้งเฟดและรัฐบาลสหรัฐ อาจพุ่งสูงถึง 472.5 ล้านล้านบาท
.
ด้านภาวะการว่างงานในสหรัฐ ผลสำรวจดังกล่าว ชี้ว่า อัตราการว่างงานจะพุ่งขึ้นสูงสุดครั้งประวัติศาสตร์ที่ 19% ในเดือนสิงหาคมปีนี้ ถัดจากนั้นจะลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปเหลือ 11% ในเดือนธันวาคม และลดต่ำลงกว่าเล็ก 2 หลักมาอยู่ที่ 7% ภายในสิ้นปี 2564 ซึ่งยังคงเป็นอัตราการว่างงานในสหรัฐที่สูงกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งมีอัตราว่างงานต่ำสุดในรอบ 48 ปี ที่ระดับ 3.5%
.
สำหรับภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐนั้น 33% จากผลสำรวจนี้ มองว่าอาจได้เห็นการฟื้นตัวเต็มรูปแบบในช่วงสิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 หรืออีก 2 ปีจากนี้ไป ในขณะที่ 19% มองว่ามีโอกาสไม่มากนักที่เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวในสิ้นปีนี้ ด้านอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ พบว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของผลสำรวจนี้ เห็นตรงกันว่า จีดีพีไตรมาส 2 จะทรุดหนักครั้งประวัติศาสตร์ที่ -24% และจะกระเตื้องขึ้น 4.5% ในไตรมาส 3 และต่อเนื่องไตรมาส 4 อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งปีนี้ จีดีพีสหรัฐจะทรุดลง -5%