เหลือล้นตลาด! คอนโดในไทยผุดล้นอีก 3 ปี กำลังซื้อไม่แข็งแรง แบงก์ปฏิเสธสูง

383
0
Share:
เหลือล้นตลาด! คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ในไทยผุดล้นอีก 3 ปี กำลังซื้อไม่แข็งแรง แบงก์ปฏิเสธสูง

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB EIC เปิดเผยว่าในปีนี้ จำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยในไทยเหลือขายสะสมในกรุงเทพ และปริมณฑลนั้น ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2022 ราว +4% ถึง +6% โดยจำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่เหลือขายสะสมกลับมาเพิ่มขึ้นในสิ้นปี 2022 พบว่า มีจำนวนกลับมาอยู่ในระดับเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สาเหตุในภาพรวมมาจากจำนวนหน่วยที่เปิดใหม่ที่คาดว่ายังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง และยังคงสูงกว่าการฟื้นตัวของความต้องการที่ยังฟื้นตัวได้ช้าๆ

สำหรับประเภทที่อยู่อาศัย ซึ่งคาดว่าหน่วยเหลือขายสะสมในกลุ่มคอนโดมิเนียมจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ผู้ประกอบการกลับมาเปิดโครงการกันมากขึ้น สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยที่กลับมาให้ความสำคัญกับทำเลและความสะดวกในการเดินทาง ก่อนหน้านี้ผู้ซื้อในช่วงโรคโควิด-19 ระบาดนั้น เน้นความสำคัญกับขนาดพื้นที่ใช้สอยที่เพียงพอ ซึ่งส่งผลให้หันมาสนใจซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบมากขึ้น

สำหรับในปี 2024-2026 นั้น มองว่า หน่วยเหลือขายสะสมยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น และอาจอยู่ในระดับเป็นที่น่ากังวลมากขึ้น เนื่องจากจะเป็นช่วงที่ถึงกำหนดการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมที่มีการซื้อเป็นจำนวนมากเมื่อ 1-2 ปีก่อนหน้า

โดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดมิเนียมราคาต่ำ ที่ผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรายได้ปานกลาง-ล่าง ซึ่งมีความเปราะบางทางการเงิน และมีความเสี่ยงในการถูกปฏิเสธสินเชื่อมากกว่าผู้ซื้อกลุ่มอื่นๆ ซึ่งมีโอกาสทำให้หน่วยเหลือขายสะสมคอนโดมิเนียมปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

SCB EIC เปิดเผยผลสำรวจ Residential Real Estate Survey เดือนมีนาคม 2023 ที่ผ่านมา พบว่า ปัจจุบันผู้ซื้อที่อยู่อาศัยให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านราคา และทำเลที่มีความสะดวกต่อการดำเนินชีวิตมากที่สุด โดยคิดเป็นสัดส่วน 44% และ 41% ของผู้ตอบแบบสอบถามตามลำดับ

ส่วนสถานการณ์ในกลุ่มทาวน์เฮาส์ โดยเฉพาะราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 70-75% ของตลาด ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันจากกลุ่มคอนโดมิเนียมราคาต่ำโดยตรง ทำให้จำนวนหน่วยเหลือขายสะสมยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ส่วนหน่วยเหลือขายสะสมในกลุ่มบ้านเดี่ยวบ้านแฝดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงจากปีก่อนหน้า ที่เพิ่มสูงถึง +8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่หันไปเน้นทำโครงการราคาสูง ที่มีจำนวนหน่วยต่อโครงการน้อย ขณะที่โครงการราคาปานกลางหลายโครงการยังขายไม่หมด ทำให้การเปิดโครงการใหม่อาจเพิ่มขึ้นไม่มากนัก

ทั้งนี้ กลุ่มทาวน์เฮาส์คาดว่ายังต้องเผชิญกับปัญหาในการระบายหน่วยเหลือขายสะสมต่อไป จากความต้องการซื้อที่คาดว่ายังไม่กลับมาเท่าที่ควร ซึ่งจะส่งผลให้การเปิดโครงการใหม่มีแนวโน้มชะลอตัวลงเช่นกัน