เอกชนเตือนพลิกขั้วการเมืองสุดโต่งทำเศรษฐกิจไทยปีนี้จ่อโตเป็นศูนย์ ปลายปีอาการหนัก

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ สอท. กล่าวว่า การลงมติโหวตนายกรัฐมนตรีไม่ควรจะเกิน 3 ครั้ง ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ เชื่อว่ามีการลงมติให้คุณพิธาอีกรอบ ถ้าผ่านก็ถือว่าจบ ถ้าไม่ผ่านรอบหน้าก็เพื่อไทย

ขอทั้งสองฝ่ายถอยคนละครึ่งก้าว ลองมองให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง สิ่งที่ ส.ว.ท่านอภิปรายส่วนใหญ่เป็นเรื่องมาตรา 112 ถ้ายังยืนจุดยืนแบบเดิม สุดท้ายการโหวตครั้งที่ 2 จะไม่ดีขึ้น

หากเปลี่ยนขั้วรัฐบาลแบบรุนแรงมาก นโยบายก้าวไกลหายอาจจะนำไปสู่การชุมนุมประท้วงเกิดขึ้น ซึ่งน่าเป็นห่วงที่สุด โดยเฉพาะไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย

แต่หากม็อบมา นักท่องเที่ยว เครื่องยนต์ส่งออก การบริโภคภายใน การลงทุนภาครัฐติดลบ จีดีพีประเทศไทยมีโอกาสเป็นซีโร่โกรท หรือเป็นศูนย์ได้ ประเทศไทยยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือนพุ่ง 90% ของจีดีพีอีก ปลายปีนี้ ผมว่าเหนื่อยมากกว่าโควิดแน่นอน

รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือสอท. นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต กล่าวต่อไปว่า ส่วนตัวมองสูตรก้าวไกลบวกเพื่อไทย ถึงแม้จะเปลี่ยนนายกฯเป็นเพื่อไทย ก็ยังเป็นสูตรที่น่าสนใจ เพราะทีมเศรษฐกิจเพื่อไทยมีประสบการณ์และมีจุดเด่นในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจค่อนข้างดี

ขณะที่พรรคก้าวไกลมีจุดเด่นเรื่องการปฏิรูป เปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น หากเปลี่ยนขั้วไปเป็นอีกขั้วหนึ่ง จากขั้วพรรคการเมืองเดิม ปัญหาที่เคยหมักหมมก็จะไม่ได้รับการแก้ไข