เอสซีจีมองศก.ไทยปี 66 มีแนวโน้มดีขึ้น ตั้งเป้ารายได้โต 10% ปี 65 กำไร 2.1 หมื่นล้าน

271
0
Share:
เอสซีจี มอง เศรษฐกิจไทย ปี 66 มีแนวโน้มดีขึ้น ตั้งเป้า รายได้ โต 10% ปี 65 กำไร 2.1 หมื่นล้าน

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า ปี 2566 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้น โดยได้ตั้งเป้ารายได้เพิ่มที่ 10% จากแผนการทำธุรกิจร่วมลงทุนธุรกิจในบริษัท ลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ จำกัด โครงการปิโตรเคมีครบวงจรที่เวียดนาม ที่มีความคืบหน้ากว่า 98% โดยประมาณการลงทุนที่ 4-5 หมื่นล้าน แลเพร้อมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัยพ์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กลางปีนี้

ทั้งนี้ ด้านความคืบหน้าการนำธุรกิจเอสซีจี เคมีคอลส์ (SCPC) เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัยพ์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอน และต้องตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจไทยดีขึ้น เศรษฐกิจโลกมีทั้งถดถอยและอาจถดถอยรุนแรง อย่างไรก็ตาม จะดูความเหมาะสมของเวลา และบริษัทมีความพร้อมทั้งในแง่ข้อมูลและระบบบริษัทก็มีความพร้อมแล้ว

สำหรับผลประกอบการเอสซีจีปี 2565 มีรายได้ 569,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% กำไร 21,382 ล้านบาท ลดลง 55% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุจากเศรษฐกิจชะลอตัว ปิโตรเคมีขาลง ต้นทุนพลังงานสูง ขณะเดียวกัน บริษัทเน้นรักษาเสถียรภาพทางการเงินให้มั่นคง ลดต้นทุนโดยใช้พลังงานทดแทนและเทคโนโลยีดิจิทัลในกระบวนการผลิต พิจารณาการลงทุนตามกลยุทธ์อย่างรอบคอบ ส่งผลให้เงินสดคงเหลือแข็งแกร่งอยู่ที่ 95,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ยอมรับว่าปี 2565 กำไรลดลงอย่างมาก ต่ำสุดในรอบ 14-15 ปี นับจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ แม้เอสซีจีจะปรับตัวลดต้นทุนไปมากแล้ว ก็ยอมรับวิกฤตครั้งนี้แรงจริงๆ ไม่ใช่เฉพาะวิกฤตพลังงานสูงอย่างเดียว แต่มีความต้องการสินค้าลดลงจากวิกฤตโควิดด้วย ทำให้ผู้ผลิตภาคส่วนต่างๆ ต้องลดกำลังการผลิตลงตาม กระทบทั้งซัพพลายเชน

นอกจากนี้ ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เห็นได้จากรัฐบาลหลายประเทศปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นหลังโควิดคลี่คลาย หลายประเทศเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ไม่สามารถต้านได้ ซึ่งมองว่าธุรกิจอื่นก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน เอสซีจึจึงต้องพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบ และคำนึงถึงผลตอบแทนที่คุ้มค่า