เอ็กซิม แบงก์ คาดส่งออกไทยโตได้เต็มที่ 2% แนะผู้ประกอบการสต็อกสินค้าช่วงเงินบาทแข็ง

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า สถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าในช่วงนี้เป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย จึงทำให้มีเม็ดเงินจากต่างชาติทยอยไหลเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้นมากขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบธุรกิจควรอาศัยช่วงจังหวะที่เงินบาทแข็งค่าในการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศมาสต็อกไว้เพราะทำให้สามารถนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศได้ในราคาที่ถูกกว่าช่วงที่เงินบาทอ่อน นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับผู้ประกอบธุรกิจ อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการต้องดูแลความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนด้วย

ขณะที่ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น หลังจากที่สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ประกาศจะเริ่มทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ย EXIM BANK ได้เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ อีก 0.25% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.66 เป็นต้นไป หลังจากนั้นคาดว่าจะปรับขึ้นอีกครั้งในช่วงกลางปี 66 โดยจะปรับขึ้นครั้งละ 0.25%

ส่วนภาพรวมภาคการส่งออกไทยเริ่มชะลอลงตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2565 โดยเป็นไปในทิศทางเดียวกับการส่งออกของประเทศทั่วไปในภูมิภาค เช่น จีน และ เกาหลีใต้ โดยในปี 2566 คาดว่าการส่งออกของไทยจะโตได้มากที่สุด 2% จาก 5.5% ในปี 2565 โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากราคาสินค้าส่งออกเริ่มลดลง เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญชะลอคัว และ เงินบาทที่ผันผวนสูง

อย่างไรก็ตามการส่งออกของไทยจะยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการที่จีนเปิดประเทศเร็วกว่าที่คาด ตลาดส่งออกบางแห่งนังไปต่อได้ เช่น ตะวันออกกลางและ CLMV นอกจากนี้สินค้าส่งออกไทยยังเป็นที่ต้องการ โดยสินค้าที่ได้รับอานิสงส์จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว เช่น อาหาร สินค้าเกษตร และเครื่องใช้ในการเดินทาง