แดงพรึบพรับ! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดดิ่งหนักกว่า 240 จุด น้ำมันดิบโลกปิดลงหลุด 71 ดอลล์

176
0
Share:
แดงพรึบพรับ! ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดดิ่งหนักกว่า 240 จุด น้ำมันดิบโลกปิดลงหลุด 71 ดอลล์

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,053 จุด -245 จุด หรือ -0.72% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,388 จุด -20 จุด หรือ -0.47% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 13,667 จุด -22 จุด หรือ -0.16%

ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งปิดขึ้น +1.3%, +2.6% และ +3.3% ตามลำดับ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ในขณะที่ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ต่อเนื่อง ทำสถิติยาวนานเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี 7 เดือน หรือตั้งแต่พฤศจิกายน 2021 เป็นต้นมา และยังพุ่งทะยานถึง +26% นับจากดัชนีหุ้นดังกล่าวเข้าสู่ภาวะหมีที่ผ่านมา

ด้านดัชนีหุ้นนาสแดคในสัปดาห์ผ่านไปเป็นสถิติรายสัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบ 2 เดือนกว่า หรือนับตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังปิดขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 8 ต่อเนื่อง หรือใน 2 เดือน ทำสถิติยาวนานเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีกว่า หรือตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา

สาเหตุจากคืนผ่านมานักลงทุนเทขายทำกำไรช่วงสั้นทันทีหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดซื้อขายวันแรกของสัปดาห์นี้ รวมถึงราคาหุ้นในตลาดมีราคาปรับขึ้นอย่างรวดเร็วและอาจเข้าข่ายหุ้นมีราคาสูงมากเกินจากปัจจัยพื้นฐานในเวลานี้รวมถึงปัจจัยภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง

นอกจากนี้ นักลงทุนเฝ้าติดตามการแถลงชี้แจงภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาของประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกากับคณะกรรมาธิการการเงิน รัฐสภาสหรัฐอเมริกาในคืนวันนี้

ขณะที่ตัวชี้วัดแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ที่เรียกว่า ซีเอ็มอีเฟดวอทช์ ทูล พบว่า มีโอกาส 67% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าว 0.25% ในการประชุมเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งลดลงจากเดิมที่ให้น้ำหนัก 70% ในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมา ที่สำคัญ โอกาสลดดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในเดือนธันวาคมปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 70.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.28 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.8% ส่งผลราคาน้ำมันดิบปิดลดลง 2 วันติดต่อกันรวม 1.77 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 75.90 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.19 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.3% ส่งผลราคาน้ำมันดิบปิดลดลง 2 วันติดต่อกันรวม -0.67 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากนักลงทุนกังวลภาวะเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก และบริโภคน้ำมันดิบมากอันดับ 2 ของโลกนั้น มีแนวโน้มชะลอตัวลงในปีนี้อย่างชัดเจนมากขึ้น หลังจากธนาคารชั้นนำระดับโลกหลายแห่งล้วนปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หริอจีดีพีจีนปีนี้ลงถึงเกินกว่า 0.5%

นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนแผ่นดินใหญ่ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมประเภทลูกค้าชั้นดีอายุ 5 ปีเมื่อวานนี้ลงเพียง 0.1% นับเป็นลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวในรอบ 10 เดือน แต่ลดต่ำกว่าที่คาดไว้ หลังจากลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นและดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างธนาคารเมื่อสัปดาห์ผ่านไป เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัวหลังเปิดประเทศมาเป็นเวลา 6 เดือน

อิหร่านสามารถผลิตและส่งออกน้ำมันดิบในปีนี้มากขึ้น ส่งผลทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางสหรัฐอเมริกาใช้มาตรการคว่ำบาตรมาเป็นเวลาต่อเนื่อง

ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2023 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 1,936.98 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -18.81 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.7% ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 1,947.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -19.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.1% ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาทองคำตลาดโลกปิดลดลง -0.1%

ก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากบรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างเงียบเหงา และเบาบาง ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนจากค่าดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐยังมีสถิติใกล้เคียงระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี ลดต่ำลงหลังตัวเลขยอดผู้ใช้แรงงานขอรับสวัสดิการรายสัปดาห์ในข่วงว่างงานกลับเพิ่มสูงเหนือตัวเลขที่คาดการณ์ไว้

แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด จะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี 1 เดือน หรือในการปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวถึง 10 ครั้งติดกัน แต่กลับส่งสัญญาณขัดเจนว่า ยังมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอีกในช่วงเหลือของปีนี้ ส่งผลให้มีการประเมินว่าดอกเบี้ยดังกล่าวอาจปรับขึ้นถึง 0.5% ในการประชุมครั้งใดครั้งหนึ่งสัก 2 ครั้งๆ ละ 0.25%

นอกจากนี้ ประธานเฟด กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ยืดหยุ่นอย่างแข็งแกร่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังมีอัตราการเติบโตสูงเกินคาด รวมถึงแนวโน้มเงินเฟ้อที่ยังอยู่สูงกว้าเป้าหมายของเฟดถึงกว่า 1 เท่า ปัจจัยเหล่านี้ ยังคงทำให้เฟดต้องจัดการภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาต่อไป

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวสูงขึ้นต่อเนื่องกลายเป็นต้นทุนที่สูงมากขึ้นในการลงทุนทองคำ

ขณะนี้ ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริการาว 0.25% ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 67% มากกว่าเมื่อวานนี้ที่ระดับ 70%