แดงส่งท้าย! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดคืนชีพกว่า 20 จุด น้ำมันดิบโลกปิดขึ้นเหนือ 84 ดอลลาร์

260
0
Share:
แดงส่งท้าย! ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดคืนชีพกว่า 20 จุด น้ำมันดิบโลกปิดขึ้นเหนือ 84 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,500 จุด +25 จุด หรือ +0.07% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,369 จุด -0.65 จุด หรือ -0.01% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 13,290 จุด -26 จุด หรือ -0.20% ส่งผล 2 ดัชนีหุ้นสำคัญ ได้แก่ เอสแอนด์พี 500 และนาสแดค ปิดร่วงลงถึง 4 วันทำการติดต่อกัน โดยดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และนาสแดค ทำสถิติปิดดำดิ่งถึง 4 วันติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบ 5 เดือน หรือตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม และในรอบ 6 เดือน หรือตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ตามลำดับ

ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดร่วงลง -2.2%, -2.1% และ -2.6% ตามลำดับ โดยดัชนีหุ้นดาวโจนส์ทำสถิติรายสัปดาห์ที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่มีนาคมเป็นต้นมา ส่วนดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติรายสัปดาห์ร่วงลงถึง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 5 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่กุมภาพันธ์ผ่านมา และดัชนีหุ้นนาสแดค ทำสถิติรายสัปดาห์ร่วงลงถึง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 8 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่ธันวาคมปี 2022 ผ่านมา

สาเหตุจากถึงแม้ว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี จะลดต่ำลงจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่พุ่งทะยานสูงสุดในรอบ 9 เดือนครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2022 แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงสถิติดังกล่าว สะท้อนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกายังคงปรับสูงขึ้นในอนาคต ทำให้นักลงทุนกังวลต่อต้นทุนในการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา และเป็นปัจจัยลบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโดยตรง

เมื่อคืนก่อนหน้านี้ นักลงทุนกลับมากังวลกับแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในสหรัฐอเมริกาครั้งใหม่ หลังจากคืนผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด เปิดเผยบันทึกการประชุมของการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งล่าสุด พบว่า เฟดเห็นสัญญาณเงินเฟ้อสหรัฐอเมริกายังมีความความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวอีก

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 81.25 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.86 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.1% ส่งผลราคาน้ำมันดิบปิดเพิ่มขึ้น 2 วันติดกันถึง +1.87 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.4%

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 84.80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.68 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.8% ส่งผลราคาน้ำมันดิบปิดเพิ่มขึ้น 2 วันติดกันถึง +1.35 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.6%

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปิดลดลง -2%

สาเหตุจากจำนวนหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริการายสัปดาห์ปิดลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน สะท้อนการลดกำลังผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐอเมริกา

นักลงทุนกังวลกับสถานการณ์เศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวันอังคารผ่านมา ธนาคารกลางจีนแผ่นดินใหญ่ลดดอกเบี้ยสำคัญอย่างเหนือความคาดหมาย สะท้อนภาวะเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ไม่ฟื้นตัว และซบเซา ซึ่งผิดความคาดหมายจากการกลับมาเปิดประเทศเมื่อธันวาคมปี 2022 เป็นต้นมา กระทบต่อปริมาณการบริโภคน้ำมันดิบ นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตัวเลขเงินเฟ้อผู้ผลิตในเดือนกรกฎาคมของสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดไว้

ตลาดคาดการณ์ยังคงคาดการณ์ว่าภาวะสต๊อกน้ำมันดิบโลกยังตึงตัวต่อเนื่องท่ามกลางรัสเซียลดการส่งออกน้ำมันดิบ สอดคล้องกับสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่าในครึ่งปีหลังนี้ ภาวะตลาดน้ำมันดิบโลกจะตึงตัว สาเหตุจากความต้องการใช้น้ำมันดิบของจีนแผ่นดินใหญ่

ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 1,887.79 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -0.71 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.01% ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 1,916.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เพิ่มขึ้น +0.1% ส่งผลให้ราคาทองคำยังคงมีราคาปิดใกล้เคียงระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน หรือนับตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมเป็นต้นมา และในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำตลาดโลกปิดร่วงลง -1.4% ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันที่ราคาทองคำโลกปิดลดลง

เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี ยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงสูงสุดในรอบ 9 เดือนครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2022 สะท้อนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกายังคงปรับสูงขึ้นในอนาคต หลังการเปิดเผยบันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25-26 กรกฎาคมผ่านมา พบว่า เงินเฟ้อยังมีความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา อาจนำไปสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง

นักลงทุนให้น้ำหนักสัญญาณและแรงกดดันต่อการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมเดือนกันยายน โดยเฉพาะการคาดการณ์ว่ารอบการสิ้นสุดการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดจะเกิดขึ้นหรือไม่ และเร็วที่สุดเมื่อไหร่

ขณะนี้ ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 91%