แบงก์ชาติยอมรับขึ้นดอกเบี้ย ทำประชาชนมีภาระมาก แต่ดอกเบี้ยสูงในรอบ 10 ปี

นายปิติ ดิษยทัต เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือกนง. ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ภาพรวมของต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจริง แต่ลูกหนี้สามารถรับได้ สาเหตุจากลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ผู้ประกอบการขนาดธุรกิจเอสเอ็มอี และภาคครัวเรือนที่มีความยากลำบากนั้น แบงก์ชาติมีมาตรการเฉพาะจุดช่วยดูแลหลายมาตรการ

สำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของแบงก์ชาติในปัจจุบันที่ 2.50% ถือว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศ ที่สำคัญ การส่งผ่านต้นทุนดอกเบี้ยไม่ได้สูงมากกว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางในประเทศอื่นๆในภูมิภาคนี้ เนื่องจาก การขึ้นดอกเบี้ยระดับ 2% ทำให้ธนาคารพาณิชย์ส่งผ่านไปสู่อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) และอัตราดอกเบี้ยรายย่อยชั้นดี (MRR) ประมาณ 1.5-1.8% หรือคิดเป็นการส่งผ่าน 60-70% ของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่มีการปรับขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของลูกหนี้ก็มีความแตกต่างกันพอสมควร

เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือกนง. กล่าวอีกว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถือว่ามีส่วนช่วยเรื่องหนี้ด้วย อย่างน้อยที่สุด การขึ้นดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยเพิ่มให้มูลค่าหนี้สินเติบโตเร็ว นอกจากนี้ ยังช่วยให้กระบวนการกลับสู่ปกติทั้งภาคการเงิน สินเชื่อ เงินเฟ้อ รวมถึงเศรษฐกิจในภาพรวม

ทั้งนี้ การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือกนง. ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ผ่านมา มีมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ระดับ 2.5% ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นับเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา