แบงก์ชาติสหรัฐจ่อใช้ดอกเบี้ยขึ้นแรง หลังขึ้น 0.75% มากสุดในรอบ 28 ปี

ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด นายเจอร์โรม พาวเวลล์ แถลงผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวขึ้นมาอยู่ที่ระหว่าง 1.5-1.75% นับเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่มากที่สุดในรอบ 28 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1994 หรือเมื่อปี 2537 ในยุคสมัยนายอลัน กรีนสแปน เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังเป็นการปรับเพิ่มขึ้นถึง 3 รอบการประชุมติดต่อกันในปีนี้ โดยปรับขึ้น 0.25%, 0.50% และ 0.75%

ประธานเฟด กล่าวว่า เป็นที่ชัดเจนว่า การขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในครั้งนี้ นับเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่สูง โดยส่วนตัวไม่คาดหวังว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่มากเช่นนี้ จะเป็นเรื่องปกติ สำหรับในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนกรกฎาคมนั้น ส่วนตัวคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเป็นไปได้ทั้ง 0.5% หรือ 0.75% ซึ่งการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับการประชุมในแต่ละครั้ง และเฟดจะยังคงสื่อสารความตั้งใจของมติที่ประชุมอย่างชัดเจนที่สุดเท่าที่สามารถทำได้

ผลจากการคาดการณ์ของตลาด พบว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงถึง 0.75% ในคืนผ่านมา จะมีแนวโน้มสูงที่อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดจะปรับขึ้นไปแตะสูงสุดที่ระดับ 3.4% ภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลให้จะเป็นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่สูงสุดในรอบ 15 ปี หรือนับตั้งแต่มกราคม ปี 2008 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ถือว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงจากการคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.5% นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยจะขึ้นไปแตะที่ระดับ 3.8% ในปี 2566 นั่นหมายถึงจะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงสุดในรอบ 16 ปี