แบงก์ชาติสหรัฐส่งซิกทันที จ้างงานพุ่ง-ค่าจ้างเพิ่ม-ตกงานน้อย ยังห่างไกลจุดคุมเงินเฟ้อ

136
0
Share:
ธนาคารกลางสหรัฐ ส่งซิกทันที จ้างงาน พุ่ง-ค่าจ้างเพิ่ม-ตกงานน้อย ยังห่างไกลจุดคุม เงินเฟ้อ

นายโทมัส บาร์คิ้น ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดสาขาริชมอนด์ กล่าวว่า หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกา แถลงตัวเลขยอดการจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคเกษตรในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนธันวาคม 2023 ปรากฏว่า เพิ่มขึ้นเป็น 216,000 ราย ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ที่จำนวน 170,000 ราย สอดรับกับอัตราการว่างงานในสหรัฐทรงตัวในระดับต่ำเกือบเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 3.7% ต่อเนื่อง และอัตราค่าจ้างแรงงานอเมริกันรายชั่วโมงยังเพิ่มขึ้นอีก ทำให้สะท้อนชัดเจนว่า เฟดยังอยู่ห่างไกลจากจุดที่จะควบคุมปัจจัยเสี่ยงของภาวะเงินเฟ้อได้

โจทย์สำคัญที่สุดของเฟดคือการควบคุมตัวเลขเงินเฟ้อให้อยู่ในเป้าหมาย และในตัวเลขปัจจุบันที่อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำถึง 3.7% นั้น ย่อมเป็นความท้าทายสำคัญต่อเนื่อง นั่นหมายถึง เงินเฟ้อในขณะนี้อยู่สูงกว่าเป้าหมายมาก

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2023 ผ่านมา นายจอห์น วิลเลียม ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวว่า ในความเป็นจริง กรรมการในคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ไม่ได้มีการพูดถึงการลดดอกเบี้ยระยะสั้นในขณะนี้เลย กรรมการล้วนให้ความสำคัญและเน้นไปที่คำถามที่ทุกคนเผชิญหน้าในขณะนี้ว่า เฟดได้ใช้นโยบายการเงิน หรือใช้ดอกเบี้ยระยะสั้นในการจำกัด หรือควบคุมอย่างเพียงพอแล้วหรือยัง เพื่อที่จะให้เกิดความมั่นใจได้ว่า อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาลดลงกลับเข้าสู่เป้าหมายที่ 2% นี่คือคำถามที่กรรมการทุกคนเผชิญอยู่ในขณะนี้

ส่วนตัวคิดว่า เป็นการเร็วเกินไปที่จะคิดถึงเรื่องปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอย่างที่ตลาดเข้าใจกันไป สถานการณ์ในปัจจุบัน ดูเหมือนคล้ายกับว่าอัตราดอกเบี้ยของเฟดมาถึงจุด หรือเข้าใกล้จุดที่จำกัดหรือควบคุมอย่างเพียงพอ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ถ้าพัฒนาการของอัตราเงินเฟ้อเกิดสะดุดหยุดลง ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อกลับฟื้นตัวจากนี้ไป เฟดพร้อมจะตัดสินใจใช้นโยบายการเงินกลับเข้มงวดขึ้นกว่าเดิม

ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อสำคัญที่เฟดให้น้ำหนักในการติดตามมาก คือ ตัวเลขรายจ่ายการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาพลังงาน ตัวเลขดังกล่าว เฟดประเมินว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2.4% ในสิ้นปี 2024 และลดเหลือ 2.2% ในปี 2025 สุดท้ายจะลดเข้าเป้าหมายที่ 2% ในปี 2026 ปัจจุบันตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 3.5% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายถึงเกือบเท่าตัว