แบงก์ชาติเผยสัปดาห์เดียวทุนสำรองวูบเกือบ 7,000 ล้านดอลลาร์ กว่า 263,000 ล้านบาท

ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ เปิดเผยว่า ตัวเลขเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุด ณ วันที่ 23 ก.ย.2565 พบว่าลดลงกว่า 6,938 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 3.3% โดยลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น (16ก.ย.) ซึ่งอยู่ที่ระดับ 209,705 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ระดับ 202,767 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน

สำหรับฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสุทธิ ถึงวันที่ 23 ก.ย.2565 อยู่ที่ระดับ 231,467 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าราว 6,918 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2.98%

ก่อนหน้านี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ชี้แจงถึงสาเหตุการลดลงของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศว่า สาเหตุหลักไม่ได้เกิดจากการเข้าแทรกแซงค่าเงิน แต่เป็นผลจากการที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ทำให้สินทรัพย์สกุลอื่นๆ เมื่ออยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีมูลค่าลดลง ส่งผลให้ระดับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศลดลงตามไปด้วย ขณะที่การแทรกแซงค่าเงินของแบงก์ชาติจะทำเฉพาะเมื่อค่าเงินบาทมีระดับที่ผันผวนมากเกินไปเท่านั้น

นอกจากนี้ แบงก์ชาติ ย้ำว่าประเทศไทยยังมีฐานะด้านต่างประเทศที่แข็งแกร่ง มีระดับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศต่อจีดีพีที่ราวๆ 47% สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก และยังสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นของไทยมากเกือบ 3 เท่า

ด้านนายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ส่วนการดำเนินนโยบายการเงิน ที่ผ่านมา ภายใต้ การ normalization ธปท.มีการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 2ครั้ง อยู่ที่ระดับ 1%

หากดูเงินทุนไหลเข้าของไทย วันนี้ยังไหลเข้า อยู่ที่ 3-4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้มีส่วนต่างดอกเบี้ยกับสหรัฐมาก นอกจากนี้หากเทียบกับเกาหลี ปัจจุบันดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.5% ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าของไทย แต่เงินวอนอ่อนค่ากว่าไทยมาก ดังนั้นสะท้อนว่า การขึ้นดอกเบี้ยไปก็ไม่ได้ช่วยทำให้เงินอ่อนค่าน้อยลง ดังนั้นดูเฉพาะส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไม่ด้ ต้องดูตัวอื่นประกอบด้วย

อย่างไรก็ตาม การดูแลเงินบาท เป้าหมายหลักของธปท.คือ ดูแลความผันผวน ไม่ให้นำกว่าภูมิภาค หรือประเทศเกิดใหม่ ซึ่งหากดูอัตราแลกเปลี่ยนของไทยวันนี้ ถือว่าอ่อนค่าไม่ได้มากนัก หากเทียบกับประเทศอื่นๆ