‘แบงก์ชาติ’ บอกขอดูความชัดเจนนโยบาย กระเป๋าเงินดิจิทัลก่อน หลังส่อขัดกฎหมาย

225
0
Share:
'แบงก์ชาติ' บอกขอดูความชัดเจนนโยบาย กระเป๋าเงินดิจิทัล ก่อน หลังส่อขัดกฎหมาย

หลังจากประเทศไทยมีว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 คือ นายเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย (พท.) ทำให้นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง โดยนโยบายของพรรคเพื่อไทยในเรื่องกระเป๋าเงินดิจิทัล ระบุว่าจะให้คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป คาดว่าจะมีจำนวน 50 ล้านคน โดยจะได้วงเงิน 10,000 บาท เพื่อได้จับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน แต่เงินดิจิทัลนี้จะใช้จ่ายได้เฉพาะกับร้านค้าชุมชนใกล้บ้าน ในรัศมี 4 กม.เท่านั้น มีอายุการใช้งาน 6 เดือน และร้านค้าสามารถนำเงินดิจิทัลมาแลกเป็นเงินบาทได้กับธนาคารรัฐในภายหลัง

อย่างไรก็ดี มีกระแสข่าวว่ามีการตั้งข้อสงสัยว่าเรื่องเงินดิจิทัลจะขัดกฎหมาย ธปท. โดยลักษณะอาจถือเป็นการออกเงินตราอย่างหนึ่ง ซึ่งเมื่อมีสภาพเป็นเงินตรา จะเข้าข้อบังคับของพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ.2501 และกฎหมายยังระบุไว้ว่า การออกอะไรที่เป็นเงินตราผู้ออกสามารถขออนุญาตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่ รมว.การคลังที่จะอนุญาตให้เอกชนรายใดรายหนึ่งอนุมัติสิ่งที่เป็นลักษณะเงินตราทำไม่ได้ เพราะ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย บัญญัติให้ ธปท.เป็นองค์เดียวที่มีอำนาจออกเงินตรา จึงขอแนะนำให้ไปศึกษาหาทางแก้ไขไว้แต่เนิ่นๆ

อย่างไรก็ตามล่าสุด ธปท.ระบุว่า “ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดของนโยบาย คงต้องขอดูความชัดเจนก่อน”

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) เคยชี้แจงไว้ว่า กระเป๋าเงินดิจิทัลไม่ใช่คริปโทเคอร์เรนซี ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ แต่เป็นเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิการใช้เงิน ที่ใช้ Blockchain เขียนเงื่อนไขลงไปในนั้น เพื่อนโยบายการคลังที่ตรงจุด สามารถเอามาแลกเป็นเงินบาทได้ทุกเมื่อ โดยเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิการใช้เงิน ที่ใช้ในกระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่มีความเสี่ยง ไม่มีการเก็งกำไร ไม่มีการถูกทุบ ไม่มีการขาดทุน ไม่มีการสร้างมูลค่า ไม่สามารถแลกเปลี่ยนด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นได้ ไม่มีราคาตก-ราคาขึ้น เพราะทุกเหรียญมีค่าเท่าเงินบาทเสมอ รับประกันโดยรัฐบาล ทั้งนี้ กระเป๋าเงินดิจิทัลไม่มีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้นต่อความมั่นคงของระบบการเงิน ไม่เกี่ยวกับทุนสำรองระหว่างประเทศ เพราะไม่ใช่การสร้างสกุลเงินใหม่