แบรนด์ยักษ์ใหญ่ค่ายรถยนต์ปลดเพิ่ม 3,000 คนในสหรัฐและอินเดีย

321
0
Share:

ฟอร์ด มอเตอร์ หนึ่งในยักษ์ใหญ่ผลิตรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา ประกาศปลดพนักงานมากถึง 3,000 คนในสายงานพนักงานประจำสำนักงาน และพนักงานสัญญาจ้างที่อยู่ในอเมริกาเหนือ และอินเดีย นายจิม ฟาร์ลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ กล่าวว่า ฟอร์ดยังคงมีพนักงานมากเกินไป นอกจากนี้ ยังมีพนักงานจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีความชำนาญเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปไปสู่เครื่องยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการเปลี่ยนผ่านไปสู่ภาคบริการดิจิทัลที่อุตสาหกรรมรถยนต์จะต้องสร้างขึ้นมา เพื่อการแข่งขันในอนาคต

นอกจากนี้ ในอีเมลที่ส่งไปถึงพนักงานทุกคนของฟอร์ด มอเตอร์ นั้น ซีอีโอฟอร์ด มอเตอร์ ระบุว่า โครงสร้างต้นทุนของบริษัทอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถแข่งขันได้กับคู่แข่งทั้งรายดั้งเดิม และรายใหม่ในอุตสาหกรรมยานยนต์

ฟอร์ด มอเตอร์ เปิดเผยว่า ราคาแบตเตอรี่ที่เพิ่มสูงขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบที่แพงมากขึ้น และค่าบริการโลจิสติกส์ที่ปรับเพิ่มมากขึ้น ได้กลายเป็นปัจจัยลบ หรือแรงกดดันที่มีต่ออุตสาหกรรมผลิตรถยนต์

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา ฟอร์ด มอเตอร์ ประกาศปลดพนักงานมากถึง 8,000 คน โดยจะเป็นการปลดพนักงานทั้งในฝ่ายบริหาร และฝ่ายพนักงานในโรงงานผลิตรถยนต์โดยเฉพาะในสายงานผลิตเครื่องยนต์สันดาป หรือเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันสำเร็จรูป

สาเหตุจากอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐอเมริกากำลังก้าวเข้าสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และเข้มข้นมากขึ้นในอนาคต ฟอร์ด มอเตอร์ ประกาศแผนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์อีวีให้ได้ปีละ 600,000 คันภายในปี 2023 และเพิ่มกำลังการผลิตเป็นมากกว่า 2 ล้านคันภายในปี 2026

ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคม 2565 ฟอร์ด มอเตอร์ ประกาศเพิ่มงบประมาณการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากเดิมที่ตั้งไว้ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.11 ล้านล้านบาท เป็น 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.85 ล้านล้านบาทภายในปี 2026