โตสวนกระแส! เปิดประเทศ ท่องเที่ยวฟื้น หนุนกองทรัสต์อุตสาหกรรม

254
0
Share:
โตสวนกระแส! เปิดประเทศ ท่องเที่ยว ฟื้น หนุน กองทรัสต์ อุตสาหกรรม

นางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ PROSPECT REIT กล่าวว่าภาพรวมตลาดกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ กอง REIT ปี 2566 เป็นปีที่มีทั้งโอกาสและความท้าทาย จากข้อมูลอัตราการเช่าของหลายกองทรัสต์ที่ประกาศออกมา มีการฟื้นตัวปรับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในกลุ่มกองทรัสต์อาคารศูนย์การค้า (Retail) กองทรัสต์โรงแรม (Hotel) กองทรัสต์สนามบิน (Airport) และกองทรัสต์ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม (Exhibition Center) ซึ่งได้รับผลเชิงบวกจากการเปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบ และการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการด้านโควิด-19 ส่งผลให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น

สำหรับกองทรัสต์อุตสาหกรรม ที่ลงทุนในคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าปีนี้มีแนวโน้มเติบโตต่อ สืบเนื่องจากเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว โดยเฉพาะภาคส่งออกยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของประเทศ ซึ่งดีมานด์การใช้งานคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าจะเติบโตเกี่ยวเนื่องไปกับภาคการส่งออกในกลุ่มธุรกิจแปรรูปอาหาร ชิ้นส่วนประกอบและแบตเตอรี่รถยนต์ และธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์ ที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้

อย่างไรก็ตามนักลงทุนมองว่ากองทรัสต์อุตสาหกรรม (Industrial REIT) สามารถโตแกร่งฝ่าโควิด-19 ด้วยอานิสงค์ของธุรกิจ E-Commerce ต่อเนื่องมาจนถึงต้นปี 2566 ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะยังคงผันผวนและไม่แน่นอน ภายใต้ 5 ปัจจัยสำคัญผลักดันกองทรัสต์อุตสาหกรรมโตสวนกระแส ได้แก่

1. การเติบโตของภาคอุตสาหกรรม ที่คาดว่าปี 2566 ดัชนีภาคอุตสาหกรรมจะขยายตัวต่อเนื่อง อยู่ที่ 2.5-3.5% รับอานิสงค์การขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศและการท่องเที่ยวที่กลับมาดีขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการมองหาคลังสินค้าและโรงงานเพิ่มเติมเพื่อเสริมกำลังการผลิต รองรับการเติบโตทางธุรกิจ ซึ่งโมเดลการเช่าอาคารคลังสินค้าและโรงงาน ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถขยายธุรกิจได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

2. อัตราค่าเช่าอาคารไม่เปลี่ยนแปลงตามความผันผวนทางเศรษฐกิจ ทำให้ภาพรวมของกองทรัสต์อุตสาหกรรม (Industrial REIT) จากช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนักและยังสามารถจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ โดยอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยของกองทรัสต์อุตสาหกรรมจะอยู่ที่ประมาณ 6-8% ต่อปี

3. ทำเลศักยภาพผลักดันการเติบโตระยะยาว เนื่องจากพื้นที่ยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมที่สำคัญของไทย ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ที่เชื่อมต่อการขนส่งและกระจายสินค้า ทั้งภายในและภายนอกประเทศ อาทิ สมุทรปราการ, อยุธยา, พื้นที่ EEC เป็นต้น

4. นโยบายส่งเสริมการลงทุน หนุนผู้ประกอบการตั้งฐานการผลิตในไทย โดยตัวเลขยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ระบุว่า ปี 2565 มีมูลค่าขอรับการส่งเสริมการลงทุนสูงสุดตั้งแต่เกิดการระบาดของไวรัสโควิด กว่า 6.6 แสนล้านบาท ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมดิจิทัล เลือกไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญในภูมิภาค ขณะที่ยอดขอส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ขยายตัวอยู่ที่ 36% โดยจีนสูงสุด ตามด้วยญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้เจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมที่มีการสนับสนุนการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ พื้นที่เขตปลอดอากร (Free Zone) ซึ่งโดดเด่นด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษี สามารถใช้จุดนี้มาดึงดูดผู้ประกอบการที่ต้องพึ่งพาการนำเข้า-ส่งออกสินค้า ให้เข้ามาใช้พื้นที่เพิ่มมากขึ้น

5. การยกระดับตลาดคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า โดยผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมต่างเร่งเครื่องพลิกโฉม อาคารให้มีความหลากหลายตอบโจทย์ผู้เช่า ช่วยเพิ่มโอกาสดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน เป็นผลดีต่อกองทรัสต์ในระยะยาว

นอกจากนี้ แผนการเพิ่มทุนครั้งที่ 1 ของกองทรัสต์ PROSPECT REIT ซึ่ง ก.ล.ต. ได้อนุมัตินับหนึ่งไฟลิ่งไปเมื่อพฤศจิกายนปีที่แล้ว เพื่อลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินศักยภาพสูง จำนวน 2 โครงการ บนทำเลยุทธศาสตร์โลจิสติกส์ของไทย ถนนเทพารักษ์ และ ถนนบางนา-ตราด กม. 19 พื้นที่เช่ารวมกว่า 70,129 ตร.ม. ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป และเขตปลอดอากร (Free Zone) มูลค่าลงทุนรวมไม่เกิน 1,800 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนภายในช่วงไตรมาสแรกปี 2566