โบรกประเมินทิศทางคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ ปมนายก 8 ปี หากได้อยู่ต่อจะไม่กระทบตลาดหุ้นไทย

224
0
Share:
โบรก ประเมินทิศทางคำตัดสิน ศาลรัฐธรรมนูญ ปม นายก 8 ปี หากได้อยู่ต่อจะไม่กระทบตลาดหุ้นไทย

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี เปิดเผยถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนั่งบัลลังค์อ่านคำวินิจฉัยคดีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วันนี้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งยังคาดการณ์ทิศทางได้ยาก แต่หากเป็นกรณีเลวร้าย พล.อ.ประยุทธ์ ต้องสิ้นสภาพการเป็นนายกฯ และ ทำให้ ครม. ต้องสิ้นสภาพทั้งคณะ จะเป็น Sentiment ลบกับตลาด แต่คาดผลกระทบจำกัดเนื่องจากภาพใหญ่นักลงทุนให้น้ำหนักไปที่การเลือกตั้งทั่วไป 7 พ.ค. 2566 แล้ว

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส มองว่า กรณีวินิจฉัยว่ายังไม่ครบและนายกฯยังไม่พ้นจากตำแหน่ง มองเป็นกลาง แต่หากวินิจฉัยว่าครบ 8 ปี และต้องพ้นจากตำแหน่งมองว่ามีโอกาสที่จะเกิดการยุบสภามากขึ้น และการเลือกตั้งอาจเร็วกว่าที่กกต.กำหนดเดือน 7 พ.ค. 2566 และบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) เผยข้อมูลเบื้องต้นคาดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะได้ดำรงตำแหน่งต่อ หากเป็นตามที่คาด ไม่กระทบตลาดหุ้นไทย เนื่องจากรัฐบาลเตรียมการยุบสภาไว้แล้ว คือ หลังประชุมเอเปค

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบีเคย์เฮียน ระบุว่า ความเป็นไปได้และผลลัพธ์ต่อเนื่องได้แก่ 1) ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาให้ดำรงตำแหน่งต่อได้ (นับระยะเวลาดำรงตำแหน่งแค่จากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน) คาดจะเห็นการปรับครม.ในบางตำแหน่ง และอาจยุบสภาหลังเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปค (18-19 พ.ย.65) ซึ่งทำให้การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2565 2) ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาว่าดำรงตำแหน่งครบวาระ 8 ปี ในกรณีนี้ อาจมีการชี้ว่านายกฯ สามารถรักษาการหรือไม่

ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรจะเข้าสู่กระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งมีแคนดิเดตนายกฯตามบัญชีรายชื่อจากฝั่งรัฐบาล ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกุล, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องให้สามารถเลือกนายกรัฐมนตรี

นอกรายชื่อได้หากได้รับการรับรองจากรัฐสภา (ส.ส.รวมส.ว.) ในกรณีนี้ คาดรัฐบาลอาจดำรงตำแหน่งไปจนครบวาระ 24 มี.ค.66 ซึ่งทำให้การเลือกตั้งจะเกิดในช่วงไตรมาส 2 ปี 66