โปรยเงินพรึบ! ต่างชาติชี้นโยบายเศรษฐกิจพรรคการเมืองไทยสูงรวมเกือบ 4 ล้านล้านบาท

บลูมเบิร์ก สำนักข่าวเศรษฐกิจด้านการเงินและการลงทุนชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา รายงานว่าในการเลือกตั้งทั่วไปของประเทศไทยที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 นี้ บรรดาพรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมสูงในอันดับต้นๆ ทั้ง 9 พรรคการเมืองมีการใช้นโยบายการหาเสียงแบบประชานิยมทั้งหมด

หากรวมนโยบายหาเสียงด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับนโยบายเงินดิจิทัลมูลค่า 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย เข้ากับนโยบายที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ และอีกทั้ง 8 พรรคการเมืองที่มีความนิยมในอันดับต้นๆในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 นี้ จะทำให้มีมูลค่าเม็ดเงินรวมกันสูงถึงปีละ 107,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.64 ล้านล้านบาท

ก่อนหน้านี้ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ทีดีอาร์ไอ ได้รวมรวบเม็ดเงินตามนโยบายการหาเสียงด้านเศรษฐกิจของ 9 พรรคการเมืองที่มีความนิยมในอันดับต้นๆในการเลือกตั้งทั่วไป พบว่า เมื่อตัดนโยบายการหาเสียงด้านเศรษฐกิจที่มีความทับซ้อนจากทั้ง 9 พรรคการเมืองแล้ว จะมีมูลค่าเม็ดเงินรวมกันสูงถึงปีละ 92,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.13 ล้านล้านบาทต่อปี

ด้านสถาบันการเงินชื่อดังระดับโลก โนมูระ โฮลดิ้งส์ อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปในไยสิ้นสุดลง จะใช้เวลาในการจัดตั้งรัฐบาลอีกระยะหนึ่ง ส่งผลให้เกิดความไม่ชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งมีผลกระทบต่อบรรยกาศการใช้จ่ายของภาคเอกชนและประชาชนในไทยอย่างมาก ซึ่งโนมูระประเมินว่าจะเกิดการลดการใช้จ่ายด้านการลงทุนลงจนกระทั่งเห็นความชัดเจนมากที่สุดในการตั้งรัฐบาลใหม่