ใจดีสู้! หัวพรรคร่วมรัฐบาล มั่นใจปมหุ้นไอทีวีของพิธาไม่เป็นอุปสรรค

151
0
Share:
ใจดีสู้! เสรีพิศุทธ์ หัวพรรคร่วมรัฐบาล มั่นใจปม หุ้นไอทีวี ของ พิธา ไม่เป็นอุปสรรค

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ในประเด็นหุ้นไอทีวี คงไม่ได้มีการนำมาหารือในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะไม่ทราบถึงข้อเท็จจริงทั้งหมด รับฟังจากข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชนเท่านั้น แต่พรรคเสรีรวมไทย ไม่ได้มีปัญหาอะไร และจะพยายามทำให้นายพิธาที่ได้คะแนนจากประชาชนมากที่สุดเป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้

ใครที่ชนะมาก็อยากให้ได้เป็น และจะพยายามช่วยเหลือทุกทาง รวมถึงการพูดคุยกับ ส.ว. ด้วย อยากให้จัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็ว เพื่อช่วยเหลือประชาชน ไม่ใช่มีแต่รัฐบาลรักษาการที่ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะมีกฎหมายกำหนด ส่วนเรื่องที่ ส.ว. กังวลใจนั้น ตนยืนยันว่าไม่มี และจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น

ส่วนการออกมาชี้แจงเรื่องการโอนหุ้น จะเป็นข้อผูกมัดตัวนายพิธาหรือไม่นั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ตนก็ไม่เข้าใจ ยังไม่ได้ดูกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องนี้เป็นเรื่องทางแพ่ง ซึ่งสามารถโอนได้ แต่ไม่รู้จะมีผลอย่างไรหรือไม่

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ว่า ให้เป็นเรื่องภายในของพรรคก้าวไกล และการประชุมวันนี้จะไม่มีการหยิบมาหารือในที่ประชุม เนื่องจากทราบว่าพรรคก้าวไกลได้เตรียมประเด็นสำหรับการแก้ไขข้อกังขาตรงนี้ เชื่อว่าประเด็นนี้น่าจะผ่านพ้นด้วยดีสำหรับพรรคก้าวไกล

นายประเสริฐ ยังกล่าวถึงการจัด ครม.พิธา 1 ว่า เป็นเรื่องที่พรรคร่วมฯ ต้องหารือกัน แต่ยังไม่ใช่วันนี้(7มิ.ย.) รอให้ กกต.รับรองผลการเลือกตั้ง เพื่อให้ทราบจำนวน ส.ส.แต่ละพรรคที่ชัดเจนเป็นทางการ หากนับจากวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม จนถึงตอนนี้ยังไม่ถึงเดือน และตามกรอบ กกต.สามารถรับรองได้ภายใน 60 วัน โดยหลัง กกต.รับรองจะชัดเจนขึ้น

“ต้องดูผลการรับรอง กกต.เสียก่อนว่า หากไม่รับรองผลไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ หรือรับร้องร้อยละ 95 ก็สามารถเปิดสภาฯได้ เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองจับตาดูตรงนี้ว่าแต่ละพรรคใครจะโดนเรื่องอะไรหรือไม่” นายประเสริฐ กล่าว

นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม กล่าวถึงกรณีที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เริ่มมีความชัดเจนในเรื่องคำร้องหารถือครองหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า จากการติดตามข่าวทราบว่า นายพิธา ได้โอนหุ้นให้ทายาท และชี้แจงไปแล้ว และส่วนตัวพร้อมสนับสนุนทีมกฎหมาย แต่ต้องขึ้นอยู่กับพรรคก้าวไกลว่าจะมีการร้องขอหรือไม่

ขณะที่เมื่อวานนี้ กกต. ได้ประชุมพิจารณาคดีของนายพิธา ที่อาจเข้าข่ายขัดต่อมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. นั้น มองว่า การไต่สวนหาข้อเท็จจริง เป็นหน้าที่ของหน่วยงานราชการที่ต้องทำ และทำได้ เมื่อรับคำร้องเรียนมาแล้วไม่ทำ ก็จะถูกร้องเรียนฐานละเลยปฏิบัติหน้าที่ได้ พร้อมทั้งเชื่อว่า เรื่องนี้จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการจัดตั้งรัฐบาล เพราะ 8 พรรคการเมือง 313 เสียง ยังยึดมั่นในเอ็มโอยู และคณะทำงานก็ทำงานเติมเต็มกันอยู่