ไทยพาณิชย์คาดปีนี้จะได้เห็น กนง.ลดดอกเบี้ยในปีนี้ จากมุมมองเศรษฐกิจไทย เงินเฟ้อแผ่ว

206
0
Share:
ไทยพาณิชย์ คาดปีนี้จะได้เห็น กนง. ลด ดอกเบี้ย ในปีนี้ จากมุมมอง เศรษฐกิจ ไทย เงินเฟ้อแผ่ว

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงต้นปี ยังมีแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนที่มีแนวโน้มขยายตัวดี ตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่เร่งตัวจากนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก โดยเฉพาะเดือน ก.พ. ที่ได้อานิสงส์จากเทศกาลตรุษจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวหลายประเทศกลับมาใกล้เคียงระดับปกติ

สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศ ผู้เยี่ยมเยือนไทยยังเติบโตได้ดีต่อเนื่องตามฤดูกาลท่องเที่ยว ขณะที่การส่งออกไตรมาส 4/66 พลิกกลับมาขยายตัว และมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นตามทิศทางการค้าโลกที่ฟื้นตัว ท่ามกลางความเสี่ยงใหม่จากการชะงักของห่วงโซ่อุปทานโลก อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยด้านอุปทานยังอ่อนแอ โดยเฉพาะภาคการผลิตที่หดตัวต่อเนื่องในหลายอุตสาหกรรม และยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันให้ข้อมูลจริงของเศรษฐกิจไทยปี 66 จะออกมาขยายตัวต่ำกว่าที่ SCB EIC เคยคาดการณ์ไว้ และมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าในระยะต่อไป

โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ติดลบตั้งแต่ไตรมาส 4/66 ถึงต้นปี 67 ส่วนใหญ่เป็นผลจากราคาพลังงานที่ลดลง ตามมาตรการช่วยค่าพลังงานของภาครัฐ ทั้งนี้ SCB EIC ประเมินไทยยังไม่เผชิญภาวะเงินฝืด เนื่องจากเงินเฟ้อติดลบไม่ได้กระจายไปในรายสินค้าเป็นวงกว้าง และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ยังเป็นบวก โดยหากมองไปข้างหน้า เงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้ในช่วงไตรมาส 2 จากแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปทานเป็นหลัก ประกอบกับภาครัฐอาจทยอยปรับลดความช่วยเหลือด้านพลังงานในไตรมาส 2 หลังราคาพลังงานโลกปรับลดลง และกองทุนน้ำมันเริ่มมีภาระหนี้สูงขึ้นมาก

SCB EIC ยังคาดว่าจะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ จากสาเหตุเศรษฐกิจและเงินเฟ้อแผ่วลงมากในปีนี้ เช่น หากเศรษฐกิจไทยเติบโตเหลือ 2.5% และแนวโน้มเงินเฟ้อต่ำกว่ากรอบ 1-3% มาก รวมถึงคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สอดคล้องกับศักยภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (Neutral rate) ที่ต่ำลงจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง ควรมีระดับต่ำลงกว่าที่เคยประเมินเอาไว้ สะท้อนจากมติ กนง. ไม่เป็นเอกฉันท์ในผลการประชุมวันที่ 7 ก.พ. 67 ที่เริ่มคำนึงถึงประเด็นนี้

สำหรับเงินบาทอ่อนค่าเร็วในช่วงต้นปี แต่แรงกดดันเงินบาทอ่อนค่าจะเริ่มลดลง เนื่องจากตลาด Price out การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ออกไปมากแล้ว และแรงกดดันด้านอ่อนค่าของสกุลเงินหลักในภูมิภาคจะลดลง ทั้งนี้ ยังคงมุมมองเงินบาทจะทยอยแข็งค่าได้สู่ระดับ 32.50-33.50 บาท/ดอลลาร์ ณ สิ้นปีนี้

ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 67 มองว่า มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แม้จะได้รับผลกระทบจากนโยบายการเงินที่ตึงตัว เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกช่วงต้นปีขยายตัวได้ดี โดยภาคบริการขยายตัวดีขึ้น ขณะที่ภาคการผลิตเริ่มทรงตัวหลังจากหดตัวนานปีกว่า แต่ยังต้องเผชิญความไม่แน่นอนรอบด้าน โดยในปีนี้จะมีการเลือกตั้งใหญ่ในกว่า 60 ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจรวมสูงกว่า 60% ของโลก ซึ่งอาจมีนัยต่อความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์โลก ตลอดจนการค้าและห่วงโซ่อุปทานโลก เผชิญความเสี่ยงจากการโจมตีเรือขนส่งสินค้าในบริเวณทะเลแดง และปัญหาน้ำแล้งในคลองปานามา ส่งผลให้เกิดความแออัดในการขนส่งทางเรือ หรือต้องปรับเส้นทางเดินเรือ ทำให้ระยะเวลาการเดินทางและต้นทุนขนส่งสูงขึ้น ขณะที่ธนาคารกลางกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก จะเริ่มปรับทิศการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาส 2