ไทยยังติดอันดับต้นๆ เมืองที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ นายกเข้มงวดความปลอดภัย

197
0
Share:
ไทย ยังติดอันดับต้นๆ เมืองที่ นักท่องเที่ยว ให้ความสนใจ นายกเข้มงวดความปลอดภัย

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่า ณ สิ้นเดือนพ.ย. 65 หรือ 11 เดือนแรกของปีนี้ มีต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้ว 9.09 ล้านคน เฉพาะเดือนพ.ย. เดือนเดียว 1.73 ล้านคน ทำให้รัฐบาลมั่นใจว่าตลอดทั้งปี 65 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้าไทยทะลุเป้าหมาย 10 ล้านคนแน่นอน ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เพิ่มความเข้มงวดในเรื่องความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ เพื่อรักษาความเชื่อมั่นที่ขณะนี้ต่างชาติได้เลือกไทยเป็นจุดหลายปลายทางแรกๆ ที่เดินทางไปเยือนหลังการคลี่คลายของโควิด-19

จากข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ขณะนี้สถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงเมืองสำคัญของไทยยังคงติดอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลกที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ ซึ่งล่าสุดสำนักข่าว CNBC ได้รายงานผลการสำรวจของ InterNations ซึ่งเป็นชุมชนออนไลน์สำหรับชาวต่างชาติที่มีสมาชิกทั่วโลกกว่า 4.5 ล้านคน ได้ทำการสำรวจเกี่ยวกับเมืองที่น่าอยู่และน่าทำงานที่สุดในโลกสำหรับชาวต่างชาติ โดยมีผู้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ 12,000 คน ซึ่งพบว่า กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของไทยติดอันดับที่ 6

โดยผลสำรวจระบุถึง 10 เมืองทั่วโลกที่นักท่องเที่ยวเห็นว่าน่าอยู่และน่าทำงานที่สุดตามลำดับดังนี้
1..เมืองบาเลนเซีย, สเปน
2.ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
3.เม็กซิโก ซิตี้, เม็กซิโก
4.ลิสบอน, โปรตุเกส
5.มาดริด, สเปน
6.กรุงเทพฯ, ประเทศไทย
7.บาเซิล, สวิตเซอร์แลนด์
8.เมลเบิร์น, ออสเตรเลีย
9.อาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
และ 10.สิงคโปร์

ขณะเดียวกัน ผลสำรวจของชาวต่างชาติที่มีต่อกรุงเทพฯ พบว่า ร้อยละ 82% มีความสุขต่อคุณภาพการดูแลรักษาทางการแพทย์, ร้อยละ 79 มีความสุขกับชีวิตโดยทั่วไป, ร้อยละ 69 มีความสุขต่อค่าครองชีพ, ร้อยละ68 มีความสุขต่อความสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต, ร้อยละ 66 มีความสุขต่ออาชีพการทำงาน และ ร้อยละ 54 ระบุว่าสามารถพบเพื่อนใหม่ได้ง่าย

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ติตตามข้อมูลภาคการท่องเที่ยวซึ่งชี้แนวโน้มที่ต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว อาทิ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ให้เพิ่มความเข้มงวดกับประเด็นเรื่องความปลอดภัย ทั้งในสถานที่หรือแหล่งท่องเที่ยวการเดินไม่ว่าจะทางอากาศ ทางถนน ทางเรือ ตลอดจนความปลอดภัยด้านสุขภาพอนามัยจากโรคระบาด บริการอาหารที่สะอาด