ไทยรุ่นใหม่แห่ลงทุน-ถือครองเงินคริปโทฯ มากที่สุดในโลก ท่ามกลางผันผวนรุนแรง

615
0
Share:
เงินดิจิทัล

เว็บไซต์ We Are Social และ Hootsuit ซึ่งเป็นเครื่องมือด้านการจัดการสื่อโซเชียลมีเดียชื่อดัง เปิดเผยรายงานที่มีชื่อว่า Data Report Stat 2022 พบว่า ประเทศไทยเป็นตลาดคริปโทเคอร์เรนซี หรือตลาดเงินดิจิทัลที่สำคัญของโลก สาเหตุจากคนไทยมีการถือครองสินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซีมากเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยมีสัดส่วนมากถึง 20.1% ท่ามกลางสัดส่วนค่าเฉลี่ยการถือครองสินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลกอยู่มีอยู่ที่ 10.2% เท่านั้น เมื่อเปิดเผยข้อมูลเชิงลึก ยังพบว่า คนไทยเพศชายถือครองเงินคริปโทเคอร์เรนซีมากกว่าผู้หญิง และคนไทยส่วนใหญ่ที่ถือครองเงินดังกล่าวเป็นกลุ่ม Gen Y

ในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าเทคโนโลยีด้านการเงิน และนโยบายการเงินของประเทศไทย จะถูกพัฒนาอย่างเข้มข้นเพื่อก้าวไปสู่รูปสังคมไร้เงินสด ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกรรมผ่านการใช้ QR Code หรือผ่านแอปพลิเคชันของสถาบันการเงิน รวมถึงการพัฒนาธุรกิจ e-Wallet แต่จากข้อมูลของรายงาน Digital Stat 2022 กลับมีผลตรงกันข้าม โดยมีการใช้บริการทางการเงินออนไลน์เพียง 31.4%

ตลาดเงินคริปโทเคอร์เรนซีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านไป โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2565 ตลาดซื้อขายเงินดิจิทัลในเอเชียเกิดภาวะถล่มเทขายต่อเนื่อง ค่าเงินบิทคอยน์ถูกเทขายอย่างหนักมีราคาฉุดค่าหลุดะดับ 34,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,156,000 บาทต่อบิทคอยน์ มาปิดที่ 33,650 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,144,100 บาทต่อบิทคอยน์ ดิ่งหนัก -3,105.90 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 105,590 บาท หรือดิ่งหนัก -7.4% ส่งผลให้ค่าเงินบิทคอยน์ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2564 และยังตกต่ำมากกว่า 55% เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ที่มีราคาเกือบ 69,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,346,000 บาท

นอกจากนี้ เมื่อสิ้นสุดสัปดาห์ที่ผ่านไป มูลค่าตลาดเงินบิทคอยน์ซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับ 1 ของตลาดเงินคริปโตเคอร์เรนซี เสียหายไปถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 34 ล้านล้านบาทในช่วงเกือบ 2 เดือนผ่านมา ทั้งนี้นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 ซึ่งบิทคอยน์ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกือบ 69,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,346,000 บาทต่อบิทคอยน์นั้น มูลค่าตลาดเงินบิทคอยน์หดหายไปกว่า 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 20.4 ล้านล้านบาท

สอดรับกับค่าเงินอีเธอร์ Ether ที่มีมูลค่าตลาดใหญ่อันดับ 2 รองจากบิทคอยน์ ในสัปดาห์ที่ผ่านไป ถูกเทขายต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยร่วงลงมาหลุดระดับ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 78,200 บาทต่อเหรียญอีเธอร์ มาปิดที่ระดับ 2,253 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 76,602 บาทต่อเหรียญอีเธอร์ ร่วงลงมากถึง 288 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 9,792 บาทต่อเหรียญอีเธอร์ ลดลง -11% ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 6 เดือนกว่า หรือนับตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา