ไม่อยู่แล้ว! สีเน้นมั่นคงกว่ามั่งคั่งเศรษฐีจีนแห่หนีไปอยู่ต่างชาติมากเป็นประวัติการณ์

224
0
Share:
ไม่อยู่แล้ว! สีเน้นมั่นคงกว่ามั่งคั่ง เศรษฐี จีน แห่หนีไปอยู่ต่างชาติมากเป็นประวัติการณ์

เฮนรี่ แอนด์ พาร์ทเนอร์ บริษัทให้บริการที่ปรึกษาความมั่งคั่งสำหรับเศรษฐีที่มีชื่อดังของโลก เปิดเผยรายงานเฮนรี่ ไพรเวท เวลธ์ คาดการณ์ว่าเศรษฐีสัญชาติจีนที่มีความร่ำรวยมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือรวยกว่า 35 ล้านบาท ที่อาศัยอยู่ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่มีจำนวนมากถึง 13,500 คน จะย้ายถิ่นฐานออกไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศอย่างถาวร ส่งผลให้กลายเป็นสถิติเศรษฐีจีนย้ายออกนอกประเทศสูงสุดเป็นประวัติการณ์

สาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ที่ตกต่ำและซบเซาต่อเนื่องหลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่เศรษฐีจีนมองไปในอนาคตเกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดีจีน นายสี จิ้นผิง ที่ประกาศชัดเจนว่าจะใช้นโยบายความรุ่งเรืองร่วมกัน หรือ Common Prosperity ทำให้คนจีนที่มีฐานะดีไปถึงระดับเศรษฐีมองว่านโยบายนี้เน้นด้านความมั่นคงมากกว่าความมั่งคั่ง หรือเน้นเสถียรภาพด้านสังคมและการเมืองมากกว่าด้านเศรษฐกิจ

นโยบายดังกล่าวของนายสี จิ้นผิง ทำให้เกิดการทยอยย้ายถิ่นฐานของเศรษฐีสัญชาติจีนไปลงหลักปักฐานที่อยู่อาศัยใหม่ในหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ แคนาดา เป็นต้น

นายแอนดริว เอมอยล์ หัวหน้าสายงานวิจัย สำนักความมั่งคั่งอัจฉริยะ เฮนรี่ แอนด์ พาร์ทเนอร์ กล่าวว่า การเติบโตของมูลค่าความมั่งคั่งทั่วไปในจีนแผ่นดินใหญ่ชะลอตัวลงมากในช่วง 2-3 ปีผ่านมา นั่นหมายถึงการย้ายถิ่นฐานของเศรษฐีจีนเมื่อเร็วๆ นี้ อาจสร้างความเสียหายมากกว่าที่ประเมินไว้

นอกเหนือจากเศรษฐีจีนจะทำสถิติย้ายถิ่นฐานออกนอกประเทศติดอันดับ 1 ของโลกแล้ว ยังพบว่า อันดับ 2 คือ อินเดีย คาดว่าจะมีจำนวนมากถึง 6,500 คนในปีนี้ซึ่งลดลงจากเดิมในปีผ่านมามีจำนวน 7,500 คน อันดับ 3 คือ สหราชอาณาจักร คาดว่ามีถึง 3,200 คน เพิ่มขึ้นถึง 100% จากปี 2022 ที่มีจำนวน 1,600 คน อันดับ 4 รัสเซีย มีจำนวน 3,000 คน ลดลงจากในปีผ่านมาที่มีสูงถึง 8,500 คน และอันดับ 5 ได้แก่ บราซิล คาดว่ามีเศรษฐีย้ายออกในปีนี้ 1,200 คน ลดลงจากในปีก่อนนี้ที่จำนวน 1,800 คน

ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ในปี 2022 ขยายตัวเหลือเพียง 3.5% ซึ่งทำสถิติภาวะเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ที่ตกต่ำเลวร้ายที่สุดในรอบ 50 ปีที่ 3.0% ต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ 5.5%