ไอบีเอ็มจ่อปิดรับจ๊อบใหม่กว่า 7,800 คน ยอมรับปัญญาประดิษฐ์มาแรง ทำงานแทนได้หมด

253
0
Share:
ไอบีเอ็ม จ่อปิดรับจ๊อบใหม่กว่า 7,800 คน ยอมรับ ปัญญาประดิษฐ์ มาแรง ทำงาน แทนได้หมด

อินเตอร์เนชั่นแนล บิสสิเนส แมชชีน หรือไอบีเอ็ม อินคอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโซลูชั่นเทคโนโลยี และบริการคลาวด์จัดเก็บข้อมูลรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า จะยกเลิกการรับสมัครพนักงานใหม่จำนวน 7,800 ตำแหน่ง เนื่องจากประเมินแล้วพบว่างานในตำแหน่งทั้งหมดนั้นสามารถใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาทำงานทดแทนได้

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ นายอาร์วินด์ คริชนา กล่าวว่า การจ้างงานในตำแหน่งงานฝ่ายสนับสนุนในสำนักงาน หรือ Back Office เช่น ฝ่ายทรัพยากรบุคคล จะมีการยกเลิกหรือชะลอการับสมัครออกไป สำหรับไอบีเอ็มนั้น มีพนักงานที่ไม่ได้ทำงานในส่วนที่ต้องพบปะกับลูกค้ามากถึง 26,000 คน โดยส่วนตัวมองเห็นว่า ในอีก 5 ปี ราว 30% ของจำนวน 26,000 คน หรือราว 7,800 คน สามารถใช้ระบบอัตโนมัติ หรือเอไอ ทำงานทดแทนได้

งานที่มีปฏิบัติเป็นประจำ หรือเป็นพื้นฐาน เช่น การออกเอกสารรับรองการจ้างงาน หรือการทำงานของพนักงาน งานโยกย้ายพนักงานไปยังแผนกงานอื่นๆ ในองค์กร จะสามารถใช้ระบบอัตโนมัติเข้ามาทำงานทดแทนได้

ในช่วงต้นปีนี้ผ่านมา ไอบีเอ็มประกาศปลดพนักงานออกจำนวน 5,000 คน แต่ก็มีการจ้างพนักงานใหม่กลับมาเพิ่มราว 7,000 คนในช่วงเวลาเดียวกัน หรือในไตรมาสที่ 1 ปีนี้

ปัจจุบัน ไอบีเอ็มมีพนักงานรวมกันทั่วโลก 280,000 คน และยังคงเปิดรับสมัครงานตำแหน่งการพัฒนาโปรแกรมซอฟท์แวร์ และตำแหน่งงานที่ต้องสัมผัส หรือพบปะกับลูกค้า

ขณะที่เมื่อวานนี้ สภาเศรษฐกิจโลก หรือเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) เปิดเผยรายงานภาวะแรงงานทั่วโลกผ่านการสำรวจบริษัทกว่า 800 แห่งทั่วโลก พบว่าถึงแม้องค์กรรวมถึงภาคเอกชนจะมีการสร้างงานใหม่ 69 ล้านคนภายในปี 2027 ก็ตาม แต่จะมีจำนวนคนทำงาน หรือตำแหน่งงานรวมกันหายไปมากถึง 83 ล้านคน นั่นหมายถึง ภายในเวลาอีก 5 ปีจากนี้ไป แรงงานทั่วโลกจะหดหายสุทธิไปถึง 14 ล้านคน หรือเท่ากับ 2% ของการจ้างงานทั่วโลกในปัจจุบัน

ในช่วงระยะเวลา 5 ปีดังกล่าว อุตสาหกรรมหรือธุรกิจใหม่จะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงไปสู่อุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน จะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่สำคัญ และเป็นหลักในการสร้างงานในอนาคต ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกขยายตัวอย่างเชื่องช้า และภาวะเงินเฟ้อระดับสูง จะกลายเป็นปัจจัยที่กดดันให้แรงงาน หรือตำแหน่งงานหดหายไปในอนาคต

ขณะที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะกลายเป็นทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบในเวลาเดียวกันที่ส่งผลกระทบต่อการเพิ่มและการลดการจ้างงานในอีก 5 ปีข้างหน้า