ไอเอ็มเอฟหั่นเป้าจีดีพีปี 66 ลงอีกเหลือ 2.7% ชี้สหรัฐ-จีน-ยูโร ชะลอตัวทั้งหมดปีหน้า

347
0
Share:
ไอเอ็มเอฟ หั่นเป้า จีดีพี ปี 66 ลงอีกเหลือ 2.7% ชี้สหรัฐ-จีน-ยูโร ชะลอตัวทั้งหมดปีหน้า

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เปิดเผยรายงานมุมมองเศรษฐกิจโลกปี 2023 พบว่า ได้ปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีโลกปี 2023 ลงอีก 0.2% จากเดิมที่เคยประเมินที่ระดับ 2.9% เมื่อเดือนเมษายนผ่านมา ลงมาแตะที่ระดับ 2.7% สาเหตุจากปัจจัยลบหลายอย่าง เช่น อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่สูงขึ้นต่อเนื่องกระทบเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา เศรษฐกิจทวีปยุโรปชะลอตัวจากวิกฤตราคาและปริมาณพลังงาน และเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ตกต่ำจากนโยบายไม่อยู่ร่วมโควิด-19 และวิกฤตหนี้อสังหาริมทรัพย์

นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟไม่ได้ตัดลดจีดีพีในปีนี้แต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวที่ระดับ 3.2% ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกในช่วง 3 ปีติดต่อกัน พบว่าชะลอตัวลงต่อเนื่อง เริ่มจากปี 2021 อยู่ที่ 6.0% มาถึงปี 2022 อยู่ที่ระดับ 3.2% และในปี 2023 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2.7% ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวอย่างอ่อนแอที่สุดในรอบ 21 ปี หรือรับตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา ยกเว้นวิกฤตเศรษฐกิจการเงินโลกในปี 2008 และวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 เมื่อปี 2020

ไอเอ็มเอฟ เตือนว่าภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้ายยังมาไม่ถึง และสำหรับประชาชนจำนวนมากทั่วโลกจะรู้สึกรับรู้ได้ถึงภาวะถดถอยในปี 2023 โดยคาดว่า 1 ใน 3 หรือ 33% ของประเทศทั่วโลกจะมีภาวะเศรษฐกิจตกต่ำถึงขั้นถดถอยในปี 2023

สำหรับการคาดการณ์เงินเฟ้อโลก พบว่า อัตราเงินเฟ้อโลกในปี 2021 อยู่ที่ 4.7% จากนั้นพุ่งทะยานขึ้นถึง 8.8% ในปี 2022 หลังจากนั้นคาดการณ์ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 6.5% ในปี 2023 และในปี 2024 เงินเฟ้อโลกจะชะลอลงมาอยู่ที่ 4.1% ไอเอ็มเอฟประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของโลกจะพุ่งทะยานสูงถึง 9.5% ในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ จากนั้นจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.7% ภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2023

ไอเอ็มเอฟ เปิดต่อไปว่า ปัจจัยช็อคที่ผสมผสานกันที่มีความเป็นไปได้ในปี 2023 ได้แก่ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่จะพุ่งทะยานถึง 30% จากราคาในปัจจุบัน อาจทำให้เศรษฐกิจโลกมืดมนต่อไป ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกปีหน้าจะชะลอตัวเหลือเพียง 1% มีผลให้รายได้ทั่วโลกเฉลี่ยตกต่ำ ปัจจัยช็อคต่อมา คือ ภาวะการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำอย่างมากในจีนแผ่นดินใหญ่ การใช้มาตรการการเงินตึงตัวอย่างรุนแรง ซึ่งนำไปสู่ภาวะสกุลเงินอ่อนค่าลงในกลุ่มประเทศเกิดใหม่และกำลังพัฒนา และภาวะการจ้างงานที่ยังคงมีความแข็งแกร่งเกินไป ไอเอ็มเอฟให้น้ำหนัก หรือโอกาส 25% สำหรับเศรษฐกิจโลกที่จะขยายตัวต่ำกว่า 2% ในปี 2023 ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเพียง 5 ครั้งในรอบ 52 ปีผ่านมา หรือนับตั้งแต่ปี 1970 นอกจากนี้ มีโอกาสกว่า 10% ที่เศรษฐกิจโลกจะมีตัวเลขจีดีพีติดลบ

สำหรับจีดีพีในแต่ละประเทศ และเขตเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2023 นั้น ไอเอ็มเอฟปรับลดตัวเลขจีดีพีประเทศสหรัฐอเมริกาลงจากเดิมที่ระดับ 2.3% มาเหลือที่ระดับ 1.6% หรือลดลงมากถึง 0.7% ในขณะที่ยังคงตัวเลขจีดีพีสหรัฐอเมริกาในปี 2023 ที่ระดับ 1.0% กลุ่มประเทศยูโร พบว่าในปีนี้ และปีหน้า จะมีจีดีพีที่ระดับ 3.1% และ 0.5% ตามลำดับ นำโดยประเทศเยอรมนีที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 ในยูโรและยุโรป พบว่าจะมีจีดีพีปี 2022 และ 2023 ที่ระดับ 1.5% และ -0.3% ตามลำดับ

ประเทศญี่ปุ่นจะมีตัวเลขจีดีพีที่ระดับ 1.7% และ 1.6% ในปีนี้และปีหน้าตามลำดับ จีนแผ่นดินใหญ่จะมีเศรษฐกิจขยายตัวที่ 3.2% ในปี 2022 แต่จะกลับไปขยายตัวที่ระดับ 4.4% ในปี 2023 ประเทศรัสเซียจะมีเศรษฐกิจถดถอยถึง 2 ปีติดต่อกัน โดยในปีนี้และปีหน้า จะถดถอย -3.4% และ -2.3% ตามลำดับ และกลุ่มอาเซียน 5 ประเทศซึ่งรวมไทยด้วยจะขยายตัวเพียง 5.3% และเหลือ 4.9% ในปี 2022 และ 2023 ตามลำดับ