ไอเอ็มเอฟเผยหนี้สาธารณะ-เอกชนทั่วโลกร่วงต่ำสุดใน 70 ปี แต่ยังสูงกว่าก่อนเกิดโควิด-19

198
0
Share:
ไอเอ็มเอฟ เผย หนี้สาธารณะ -เอกชนทั่วโลกร่วงต่ำสุดใน 70 ปี แต่ยังสูงกว่าก่อนเกิดโควิด-19

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เปิดเผยว่า มูลค่าหนี้สาธารณะและหนี้เอกชนทั่วโลกรวมกันอยู่ที่ 235 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 8,342 ล้านล้านบาท ซึ่งลดลง 10% จากเดิมมีสัดส่วนสูงถีง 257% ของจีดีพีโลกในปี 2020 มาเหลือที่ 247% ของจีดีพีในปี 2021 ทำสถิติสัดส่วนหนี้สาธารณะในภาพรวมลดลงต่ำสุดในรอบ 70 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1952 เป็นต้นทา

อย่างไรก็ตามสัดส่วนหนี้ทั้ง 2 ประเภทยังคงอยู่สูงกว่าปี 2007 ซึ่งอยู่ที่ 195% ต่อจีดีพีโลก โดยเป็นปีก่อนที่จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2007 นอกจากนี้ ยังคงมีสัดส่วนมากกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 อีกด้วย

นายไวเทอร์ แกสพาร์ ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการคลัง ไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า อัตราส่วนหนี้คาดว่าจะลดลงในประเทศส่วนใหญ่ในปีนี้ แต่ในปี 2023 อาจอัตราส่วนกลับเพิ่มขึ้น สาเหตุจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในหลายประเทศชะลอต่ำลง และการเพิ่มขึ้นของต้นทุนในการจ่ายหนี้คืน

เมื่อพิจารณาถึงแต่ละประเภทหนี้ พบว่า หนี้ภาคเอกชนประกอบด้วยภาระการชำระหนี้ครัวเรือน และองค์กรเอกชนที่ไม่ใช่ธุรกิจสถาบันการเงิน เป็นสำคัญในการลดสัดส่วนหนี้ในภาพรวมทั่วโลก โดยลดลง 6% มาอยู่ที่ 153% ของจีดีพีโลกในปี 2021 จากจำนวนทั้งหมด 191 ประเทศ

ด้านสัดส่วนหนี้สาธารณะทั่วโลกในปี 2021 ลดลง 4% มาอยู่ที่ 96% ของจีดีพีโลก ซึ่งทำสถิติสัดส่วนหนี้สาธารณะที่ลดต่ำลงมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษผ่านมา

สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว จะมีสัดส่วนหนี้ลดต่ำลงมากที่สุด พบว่าสัดส่วนหนี้ทั้งหนี้สาธารณะ และหนี้ภาคเอกชน รวมกันลดลง 5% ในปี 2021 ตามด้วยผลที่ใกล้เคียงกันกับประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ ยกเว้นจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ในทางตรงกันข้าม พบว่าประเทศที่มีรายได้ต่ำมีสัดส่วนหนี้ในภาพรวมพุ่งสูงต่อเนื่องในปีผ่านมา โดยเฉพาะหนี้สาธารณะจะส่งผลให้สัดส่วนหนี้ในภาพรวมพุ่งสูงขึ้นเป็น 88% ของจีดีพี ที่สำคัญ สัดส่วนหนี้ในภาพรวมดังกล่าวนั้น ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่มีโครงการเยียวยาหนึ้ในช่วงทศวรรษ 1990 และช่วงต้นปีของทศวรรษ 2000 หรือในรอบ 32 ปี

ไอเอ็มเอฟ เปิดเผยต่อไปว่า ขณะนี้มีความกังวลอย่างมากกับประเทศที่มีรายได้ปานกลาง และรายได้ต่ำ ที่จะไม่สามารถจ่ายหนี้คืนแก่เจ้าหนี้ตามกำหนดเวลาที่ตั้งไว้ พบว่า 25% ของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ และ 60% ของประเทศรายได้ต่ำ ในขณะนี้ได้เข้าสู่ หรือใกล้เข้าสู่ภาวะไม่สามารถจ่ายหนี้คืนแก่เจ้าหนี้ตามกำหนดเวลา