3 องค์กรการเงินรบ.สหรัฐเรียกประชุมด่วน หลังธ.พาณิชย์ส่อวืดช่วยเหลือเฟิร์สท รีพลับลิก

212
0
Share:
3 องค์กรการเงิน รัฐบาลสหรัฐอเมริกา เรียกประชุมด่วน หลังธนาคารพาณิชย์ส่อวืดช่วยเหลือ เฟิร์สท รีพลับลิก

เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสจากทั้ง 3 องค์กรสำคัญระดับภาครัฐบาลด้านการเงินระดับประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แก่ สถาบันประกันเงินฝากแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FDIC) กระทรวงการคลัง และธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (FED) เตรียมประชุมเร่งด่วนเพื่อติดตาม ประเมิน และสรุปความคืบหน้าการเข้าช่วยเหลือธนาคารพาณิชย์ที่มีชื่อว่า ธนาคารเฟิร์สท รีพลับลิก แบงก์ หลังจากล่าสุด การเจรจาระหว่างบรรดาธนาคารพาณิชย์อื่นๆ กับธนาคารเฟิร์สท รีพลับลิก แบงก์ ยังไม่สามารถตกลงในความช่วยเหลือกันได้

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐปฏิเสธมาตรการให้ความช่วยเหลือธนาคารเฟิร์สท รีพลับลิก แบงก์ ที่ตกอยู่ในภาวะวิกฤตเงินฝากของธนาคารดังกล่าวถูกถอนออกเป็นจำนวนมาก โดยต้องการให้ภาคเอกชนในธุรกิจสถาบันการเงิน หรือธนาคารพาณิชย์ดำเนินการช่วยเหลือกัน ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์ที่ประสบปัญญาล้วนไม่ต้องการให้ทางการเข้าช่วยเหลือ เนื่องจากจะนำไปสู่การควบคุมกิจการในที่สุด

ในช่วงเวลา 1 เดือนผ่านมา ธนาคารเฟิร์สท รีพลับลิก แบงก์ กลายเป็นศูนย์กลางวิกฤตธนาคารพาณิชย์ระดับภูมิภาคของสหรัฐอเมริกา สาเหตุจากลูกค้าระดับเศรษฐีของธนาคารดังกล่าวทยอยถอนเงินฝากออกจากธนาคารอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่ปัญหาสภาพคล่องครั้งใหญ่ของธนาคารเฟิร์สท รีพลับลิก แบงก์

ในช่วงเวลานั้น ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำระดับโลกหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา นำโดยธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ได้ร่วมกันช่วยแก้ไขปัญหาของธนาคารเฟิร์สท รีพลับลิก แบงก์ ด้วยการเพิ่มสภาพคล่องการเงินด้วยการฝากเงินจำนวน 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.05 ล้านล้านบาท แต่การทยอยถอนเงินฝากของลูกค้าระดับเศรษฐีเกิดขึ้นต่อเนื่อง หลังเกิดวิกฤตธนาคารซิลลิคอน วัลเลย์ แบงก์ หรือเอสวีบี และธนาคารซิกเนเจอร์ แบงก์ จนนำไปสู่การเข้าควบคุมกิจการของรัฐบาล

ทั้งนี้ เมื่อกว่า 1 เดือนผ่านมา เกิดกรณีธนาคารซิลลิคอน วัลเลย์ แบงก์ หรือเอสวีบี และธนาคารซิกเนเจอร์ แบงก์ ไม่สามารถดำเนินการกิจการต่อไปได้ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการบริหารจัดการสภาพคล่องหุ้นกู้ของธนาคารที่ผิดพลาดท่ามกลางภาวะอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง

ส่งผลให้องค์กรด้านการเงินและการคลังสหรัฐอเมริกาต้องตัดสินใจเข้าช่วยเหลือ และควบคุมกิจการของทั้ง 2 ธนาคารอย่างเบ็ดเสร็จ ในขณะที่สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนชาวอเมริกันที่ฝากเงินใน 2 ธนาคารดังกล่าวว่าเงินฝากทุกคนปลอดภัย รวมถึงพิสูจน์ได้ว่าระบบธนาคารพาณิชย์และระบบการเงินสหรัฐอเมริกายังแข็งแกร่งตลอดเวลา