4 องค์กรเลี้ยงไก่ไข่ตรึงราคาขายไข่ไก่เดิมบนความทุกข์ยากต้นทุนขึ้นไม่หยุด
นางพเยาว์ อริกุล นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยภาคกลาง เปิดเผยว่า 4 องค์กรผู้เลี้ยงไก่ไข่ ประกอบด้วย สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรีจำกัด สหกรณ์การเกษตรผู้เลี้ยงไก่ไข่สุพรรณบุรี จำกัด และชมรมผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่- ลำพูน ยังมีราคาเดียวกันตกฟองละ 3.50 บาททั่วประเทศ ทั้ง
4 องค์กรร่วมกันรักษาระดับราคาไข่ไก่เพื่อผู้บริโภค เนื่องจากเข้าใจสถานการณ์ รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ท่ามกลางต้นทุนการผลิตไข่ยังคงขยับขึ้นต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม อยากขอให้ผู้บริโภคโปรดเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบัน เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ทุกคนไม่อยากปรับราคาไข่ไก่หากไม่จำเป็น ขอเพียงให้เกษตรกรมีที่ยืนและสามารถประกอบอาชีพนี้เลี้ยงตัวต่อไปได้ก็พอ
สำหรับข้อมูลต้นทุนการผลิตไข่ไก่เมื่อเดือนเมษายน 2565 อยู่ที่ฟองละ 3.20 บาท ขณะที่สงครามรัสเซีย- ยูเครนที่ยืดเยื้อส่งผลให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทยปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากราคาเฉลี่ยปี 2564 ที่ 10.05 บาท/กก. ขึ้นมาเป็น 13.05 บาท/กก. หรือพุ่งสูงขึ้นอีกราว 30% ทำให้ต้นทุนการผลิตไข่ไก่ขยับขึ้นตามไปด้วย
นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยภาคกลาง กล่าวต่อว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ ยังคงอยู่ในภาวะยากลำบากและมีความเสี่ยงต่อการขาดทุนได้ตลอดเวลา เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังไม่จบ ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการแก้ปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยได้มากนัก การนำเข้าข้าวโพดจากต่างประเทศที่ผ่อนปรนให้นำเข้าได้ 600,000 ตันในอัตราภาษี 0% นั้น ถูกจำกัดเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม 2565 รวม 3 เดือนนับเป็นช่วงเวลาที่น้อยเกินไป ซึ่งไม่เกิดประโยชน์
ในความคิดเห็นส่วนตัวมองว่า รัฐบาลควรขยายเป็นมากกว่า 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อให้ผู้นำเข้าจัดซื้อ และหาเรือขนส่งสินค้าได้ทัน สถานการณ์ยังถูกซ้ำเติมด้วยภาวะค่าเงินบาทเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐทรุดอ่อนค่ามาแตะที่ 35 บาท ซึ่งทำให้ราคาวัตถุดิบนำเข้าแพงขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อย ขอให้พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ทั่วประเทศอดทนกับสถานการณ์ดังกล่าว และพยายามหาทางลดต้นทุนด้วยการดูแลเอาใจใส่การเลี้ยงไก่ไข่ในฟาร์มของตนอย่างใกล้ชิด ใช้อาหารทุกเม็ดอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อว่าหลังเปิดเทอม และการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว จะมีแรงหนุนอัตราบริโภคให้มีทิศทางที่ดีขึ้น ก็จะลดความเสี่ยงด้านการขาดทุนของเกษตรกรลงได้
