World Bank ปรับลดเป้า GDP-ส่งออกของไทยปีนี้

นางเบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย (World Bank) เปิดเผยว่า ธนาคารโลกปรับประมาณอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยปีนี้ลงเหลือ 3.5% จากเดิมคาด 3.8% ขณะที่ในปี 2563 คาดว่าจีดีพีจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 3.6% และในปี 2564 จะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 3.7%
ขณะที่การส่งออกปีนี้ปรับลดลงเหลือ 2.2% จากเดิม 5.7% และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.6% ในปี 2563
เนื่องจากในช่วงต้นปีเศรษฐกิจไทยเริ่มเติบโตช้าลงท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัวลง จึงทำให้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะชะลอลง โดยการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน และการใช้จ่ายในโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐยังเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้น ความต่อเนื่องของนโยบายและการดำเนินโครงสร้างพื้นฐานของรัฐโดยเฉพาะในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) จึงเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
แต่เศรษฐกิจไทยจะค่อยๆฟื้นตัว ภายใต้สมมติฐานว่า นโยบายภาครัฐมีความต่อเนื่อง และดำเนินงานตามโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ โดยเฉพาะEEC
สำหรับความเสี่ยงที่ยังต้องจับตา คือ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศที่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ โดยเฉพาะความไม่มั่นใจของรัฐบาลใหม่ซึ่งเป็นรัฐบาลผสมที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาล 19 พรรค รวมถึงความล่าช้าในการดำเนินงานตามแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ ซึ่งอาจส่งผลในทางลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและความมั่นใจของผู้บริโภค ซึ่งอาจทำให้อุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอลง ขณะที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน อาจกระทบต่อความต้องการสินค้าส่งออกของไทย
ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 1.1% และปีหน้าอยู่ที่ 1.2% โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำ ด้านอัตราแลกเปลี่ยนมองว่า ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับสหรัฐยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากความกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาซื้อพันธบัตรของไทย ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของไทยนั้น มองว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะต้องติดตามการเติบโตของเศรษฐกิจว่าจะชะลอลงกว่านี้หรือไม่ รวมถึงต้องติดตามพัฒนาการของหนี้ครัวเรือน ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ อาจทำให้ประชาชนก่อหนี้มากกว่านี้หรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ ธปท.จะต้องพิจารณา