อีก 6 ปี เวียดนามใหญ่กว่าไทย เทียบชั้นเกาหลีใต้ l 9 พ.ย. 65 FULL l BTimes
Nov 10, 2022
เจาะยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเวียดนามบนเครื่องยนต์ที่พร้อมโจนทะยานสู่การเป็นเสือตัวใหม่แห่งเอเชีย
(ขอบคุณรูปจากเพจ Dr.VietNam)
‘เวียดนาม’ ม้ามืดในอาเซียนที่กำลังเนื้อหอม นักลงทุนแบรนด์เล็กใหญ่ต่างจับจ้องและปักหมุดหมายที่จะมาลงทุนกันถ้วนหน้า อีกทั้งเศรษฐกิจเองก็จ่อขยายตัวต่อเนื่องท่ามกลางความผันผวนในภูมิภาค รวมถึงอิทธิพลเงินเฟ้อที่ทำท่าจะโจนทะยานต่ออย่างมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟได้คาดการณ์ไว้ว่าในอีก 5 ปี ขนาดเศรษฐกิจไทยและเวียดนามจะโตสูสีกัน โดยประเทศไทยจะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 692,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 24.24 ล้านล้านบาท ขณะที่เวียดนามจะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 690,110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 24.15 ล้านล้านบาท
เมื่อมองในแง่ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI กลับพบว่าเวียดนามแซงไทยไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย โดย ดร.พิสิฐ อำนวยเงินตรา อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเจ้าของเพจ Dr.VietNam ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า ในปี 2557 ซึ่งเป็นปีที่เสถียรภาพทางการเมืองของไทยค่อนข้างสั่นคลอน เนื่องจากเกิดการรัฐประหาร ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจ และตัดสินใจเคลื่อนย้ายเงินทุนไปลงที่เวียดนามและประเทศอื่นแทน ทั้งนี้ยังมีหลากหลายปัจจัยที่ดันให้เศรษฐกิจเวียดนามเฉิดฉาย จนกลายเป็นที่จับตามอง เฉพาะอย่างยิ่งในปี 2562 ที่สหภาพยุโรปและเวียดนามได้จับมือกันทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม หรือ FTA ทำให้การส่งออกจากเวียดนามไปยุโรปโตขึ้นกว่า 20% ไม่นับรวมปัจจัยด้านการศึกษา แรงงาน และอื่นๆ ที่ทำให้เวียดนามถือไพ่เหนือไทย จนทำให้เศรษฐกิจขยับตามไทยมาอยู่ในระยะประชิด และมีแนวโน้มที่จะแซงได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
(ขอบคุณรูปจากเพจ Dr.VietNam)
“รายได้ต่อหัวต่อประชากร ตอนนี้เวียดนามยังเป็นรองเราประมาณครึ่งนึง ของไทยเนี่ยตอนนี้อยู่ที่ 7,200 เหรียญต่อปีนะครับ ขณะที่เวียดนามอยู่ที่ 3,600 เหรียญครับ และเขาก็มีการวางแผนระยะสั้นและระยะยาว ก็คือในปี 2025 อีก 3 ปีข้างหน้าเนี่ย เขาอยากจะก้าวพ้นนะครับ ประเทศที่มีรายได้ปานกลางขั้นต่ำ และพอปี 2030 รายได้ประชากรกลางสูง ก็คือเทียบเท่าบ้านเราทุกวันนี้ คราวนี้เขามีเป้าระยะใหญ่สุด ก็คือ 2025 เขาอยากจะเป็นประเทศที่เจริญแล้ว พัฒนาแล้ว รายได้ต่อหัวถือว่าอยู่ในขั้นสูงเหมือนมาเลเซีย”
มาถึงจุดนี้ก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่าเวียดนามเป็นประเทศที่มีเป้าหมายในเติบโตชัดเจน รวมถึงมีเครื่องยนต์และยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อมจะเป็นเสือตัวใหม่แห่งเอเชียในอนาคต แต่ก็ใช่ว่าประเทศไทยจะไม่ได้พัฒนาได้อะไรเลย เพราะปัจจุบันบริษัทชั้นนำระดับโลกหลายแห่งก็ยังเชื่อมั่น และเลือกที่จะลงทุนในบ้านเราเป็นจำนวนมาก เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลาในการฟื้นเครื่องยนต์บางตัวของไทยให้กลับมาโลดแล่น พร้อมฉุดเศรษฐกิจให้กลับมาคืนชีพต่อได้ดังเช่นในอดีต