BTimes Weekend: ‘Bitkub EP1’ เช็คที่นี่ เทคโนโลยีบล็อกเชนปี 65 เกิดเครื่องมือลงทุนใหม่

1100
0
Share:

Feb 13, 2022

เปิดมุมมองเทคโนโลยีบล็อกเชน 3.0 เครื่องมือการลงทุนยุคใหม่ที่เข้ามาดิสรัปโลก

สำหรับปี 2564 หากจะพูดถึงการลงทุนที่ได้รับความนิยม ดันให้กลายเป็นดาวเด่นมาจนถึงปัจจุบันคงต้องยกนิ้วให้กับตลาดคริปโทเคอร์เรนซี หรือการลงทุนในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ทุบสถิติทำมูลค่าตลาดโตนับครั้งไม่ถ้วนภายในระยะเวลา 1 ปี อ้างอิงข้อมูลจาก Coinmarketcap พบว่าในเดือนพฤศจิกายน 2564 มูลค่าตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 1 ปี คือโตกว่า 193% เป็นมูลค่ากว่า 2.9 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 98 ล้านล้านบาท และไม่เพียงแต่คนรุ่นใหม่เท่านั้นที่หันมาลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี แต่เจ้าของแบรนด์ยักษ์ใหญ่ทั่วโลกหลายแบรนด์ก็ยังหันมาให้ความสนใจ รวมทั้งเพิ่มช่องทางการชำระเงินให้ลูกค้าสามารถจ่ายด้วยเงินดิจิทัลได้อีกด้วย

คุณท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บิทคัพ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ Bitkub

แต่อีกหนึ่งเทคโนโลยีเบื้องหลังความสำเร็จของการลงทุน หรือแม้แต่การทำธุรกรรมในรูปแบบดิจิทัลอย่างเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology) ก็กลายมาเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนให้การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างง่ายดาย โดยคุณท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคัพ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ Bitkub ได้เล่าถึงที่มาเอาไว้ว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว 13 ปี ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปี 2551 ซาโตชิ นากาโมโตะ ได้เผยแพร่เอกสาร White paper ชื่อ Bitcoin: A Peer-to-Peer Electronic Cash System และเกิดแอปพลิเคชันตามมาในช่วงต้นปี 2552 หลังจากนั้นก็เริ่มได้รับความนิยมเรื่อยมา จนปัจจุบันมีผู้เปิดใช้งานกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลนี้แล้วประมาณ 300 ล้านกระเป๋าสตางค์

Blockchain Technology Bitcoin

(ขอบคุณรูปจาก Tamim Tarin, pixabay)

บล็อกเชน คือแพลตฟอร์มการทำธุรกิจแบบ Peer-to-Peer ที่มีการบันทึกข้อมูลรายการการทำธุรกรรมทั้งหมดแบบ Decentralization หรือการกระจายอำนาจแบบไม่มีศูนย์กลาง โดยบล็อกเชนถือเป็นกุญแจสำคัญของโครงสร้างเว็บ 3.0 ซึ่งบล็อกเชน 3.0 ก็ได้ทำการพัฒนาและฝังโปรแกรมคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่เรียกว่า Smart Contract เข้าไป เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องของการแลกเปลี่ยนเอกสาร หุ้น สินทรัพย์ ฯลฯ รวมถึงช่วยดำเนินการ หรือยืนยันข้อตกลงต่างๆ อัตโนมัติแบบไม่ผ่านตัวกลาง หรือหากจะอธิบายให้เข้าใจแบบง่ายๆ คือ Smart Contract จะทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบ ยืนยัน บังคับใช้ หรือเซ็นสัญญาและข้อตกลงต่างๆ ผ่านระบบดิจิทัลนั่นเอง

Blockchain Technology Bitcoin

(ขอบคุณรูปจาก Sergei Tokmakov Terms.Law, pixabay)

นอกจากนี้คุณท็อปยังมองว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่มีโอกาสเติบโตอีกมาก พร้อมคาดว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้า เทคโนโลยีบล็อกเชน, เทคโนโลยี AI, เทคโนโลยี NFT หรือแม้แต่คริปโทเคอร์เรนซี จะมีส่วนเข้ามาดิสรัปอุตสาหกรรมและโลกให้เกิดความล้ำสมัย เปลี่ยนจากสังคมก้มหน้าสู่สังคมแว่นตาดิจิทัลเลนส์ ควบรวมถึงการเปลี่ยนแปลงจาก Physical Economy ไปเป็น Digital Economy ที่แทบทุกการใช้จ่ายจะถูกดึงเข้าระบบดิจิทัล และการยืนยันตัวตนในรูปแบบอีเมลอาจจะกลายเป็นเทรนด์ที่เอ้าท์ เพราะถูกแทนที่ด้วยการยืนยันตัวตนแบบ Avatar ก็เป็นได้

BTimes